ที่มาของรูปถ่ายพระอินเดีย (หลวงปู่เทพโลกอุดร) ที่เชิงเขาหิมาลัย โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
หลวงปู่โง่น โสรโยเล่าว่า…ประมาณปี 2520 เจ้าบุญชุ่ม (ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร) เขารู้จักกับข้าพเจ้าตั้งแต่เป็นเด็กเป็นเณร ตอนที่เขาเป็นสามเณรนั่นซิเอาเรื่องมาให้เราแทบจะบ้าตาย เรื่องเขาเป็นสามเณรรูปหล่อ ข้อปฏิบัติเคร่งครัด คนก็นับถือมาก อยากจะไปอยู่หิมาลัยประเทศ คือเขตตอนเหนือประเทศเนปาล ข้าพเจ้าเองกับคุณโยมประดิษฐ์ วิชาพานิช คุณเม่ง นายช่างภาพ คุณบุญไชย ใครอีกบ้างก็จำไม่ได้ นำขึ้นเครื่องบินเหินฟ้า พำนักปฏิบัติภาวนา ไปหิมาลัย เอา (ครูบาบุญชุ่ม) ไปฝากไว้กับพระอมริตตะเถระ เจ้าคณะใหญ่ประเทศเนปาล ท่านเป็นสมภารและเป็นประมุขของสงฆ์ ก็ยอมรับลูกบุญธรรมของเรา เพราะก่อนเราเคยพบกันที่พม่า พอออกพรรษาข้าพเจ้ากับคุณประดิษฐ์ วิชาพาณิชย์ คุณวิภาวรรณ หมอพิลาทั้งครอบครัว พากันไปเยี่ยมไปทอดผ้าป่าถวายค่าอาหาร แล้วเดินทางต่อไปนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในเมืองนั้นประเทศนั้น
ตอนขึ้นไปทางเหนือติดแดนจีนคือเมืองยาลัมและเอเวอร์เลสต์เชิงเขาหิมาลัยนั้น ตรงนั้นเขาเล่าว่าเป็นเวียงวังบ้านเกิดให้กำเนิดของหลวงปู่พระครูโลกอุดร ชื่อจริงของท่านคือพระอุตระ น้องชายชื่อพระโสณะ ที่มีกล่าวในอนุพุทธประวัติ ที่ท่านถูกส่งเป็นสมณะฑูตไทย เดินทางมาให้กำเนิดพุทธศาสนาเผยแพร่ในแดนสุวรรณภูมิ คือแดนทองได้แก่ พม่า ไทย ลาว และเขมร โดยเฉพาะคนไทยหลงใหลกันมาก จึงมีหลวงพ่อโลกอุดรปลอมที่คนผู้ละโมบโลภหลงเอาชื่อท่านมาขายกินกัน
ในสังคมไทยหารู้ไม่ว่าหลวงปู่โลกอุดรเกิดที่ไหน จะสัมผัสได้อย่างไร เห็นก็แต่หลอกลวงกันทั่วไป ในคราวนั้นเราไปกันหลายคนเพื่อนมัสการโบราณสถานที่นั่นและทั่วหิมาลัยประเทศ จึงขอบอกตรงๆ ว่า หลวงพ่อโลกอุดรคือพระอภิสมานกาย มีกายทิพย์ จะเกิดจะดับเมื่อไรก็ได้ ท่านจะเสด็จโปรดทุกแห่ง แต่แห่งใดมีจิตใจเป็นพระนักรบคือรบกวนชาวบ้านเพื่อแสวงหาลาภผล ไม่ว่าคน ไม่ว่าพระ ท่านไม่เอาด้วย และไม่ปรากฏให้เห็นเลย ท่านจะช่วยแต่ผู้ที่เสียสละ มีแต่ให้กับให้ และช่วยคนโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และต้องได้ตัวในคือตัวแฝงด้วย และตัวแฝงเอาออกมาใช้ได้ด้วย อันเจ้ากูที่หนาด้วยกิเลสหาทางร่ำรวยฉวยโอกาสนั้นเมินเสียเถิดอย่าหลอกเขาต่อไปเลย บ้านช่องของท่านอยู่ที่เมืองอุตระยาลัมอเวอเลสต์ เขตติดต่อกับแดนจีน เชิงเขาหิมาลัยโน้น
ตอนไปคราวนั้น เราได้พำนักแสวงบุญไปชมไปนมัสการสถานที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์หลายแห่งเกือบทั่วหิมาลัยประเทศ การไปเที่ยวที่นั่นวันนั้นเมื่อพากันชมสถานที่ที่พระผู้มีบุญมาเกิด พวกเราก็รู้สึกดีใจ ฉันไปในที่แห่งหนึ่ง เป็นกำแพงมีแผ่นหินอ่อนจารึกอักษรไว้ แล้วข้าง ๆ กำแพงมีท่อทองแดงยื่นออกมาท่อหนึ่ง
ทันใดนั้นเองสามเณรเจ้าบุญชุ่มก็ลองภูมิข้าพเจ้าว่า “พ่อครับหนังสือในแผ่นหินป้ายใหญ่ๆ นี้ ลองอ่านซิหลวงพ่อ ถ้าหลวงพ่ออ่านตัวหนังสือเหล่านี้ออก ทุกถ้อยกระทงความแล้วละก็ จะมีน้ำไหลออกมาจากท่อทองแดงทันที”
เราก็อ่านดังๆ ให้ทุกคนได้ยิน หนังสือนั้นเขียนเป็นอักษรฮินดีและกูต๊าฟ มีประมาณ 30 แถว แล้วกำลังจะแปลให้ลูกศิษย์ฟัง ประเดี๋ยวนั่นเองแทนที่จะเป็นน้ำไหลออกมาอย่างเจ้าบุญชุ่มบอก แต่เป็นพระสงฆ์แขกผิวดำรูปร่างใหญ่เดินออกมาจากป้ายหินอันนั้น ซึ่งก็มีรั้วทองแดงสูง 2 เมตร กั้นไว้ ท่านเดินออกมาได้เสมือนไม่มีรั้วกั้นเลย ท่านเดินยิ้มออกมา จับมือข้าพเจ้าแล้วกล่าวว่า… จะมะนิยังอาวุโส… เราก็ตอบท่านว่า ขะมะนิยังภันเต (เป็นภาษาพระสงฆ์ท่านถามข่าวคราวกันตามธรรมเนียม)… ถ้าแปลเป็นไทยให้ตรงๆ ว่า ท่านยังทนไหวหรือ (หรือท่านยังไม่ตายหรือ) แล้วก็ขอถ่ายรูปร่วมกัน
ข้าพเจ้ายืนกลาง สามเณรบุญชุ่มยืนด้านซ้าย พระอาคันตุกะยืนขวา วันนั้นมือกล้องถ่ายหลายท่านด้วยกัน ถ่ายเสร็จแล้วก็จากกัน พวกโยมๆ ก็อยากรู้ว่า ท่านเป็นใคร ทำไมจึงแสดงความสนิทสนมกับอีตาโง่นมากนัก ขนาดจับมือถือแขนหยอกล้อกัน ถึงกับเอามือลูบหัวโล้นอีตาโง่นได้
แต่ท่านหัวล้านใสในสายตาท่านคมสงบเสงี่ยม พระหัวล้านกับพระหัวโล้นเจอกันมันแท้ๆ แต่รูปถ่ายที่ออกมารูปท่านกลายเป็นพระแขก มีผ้าพันหัวเอาไว้มิใช่หัวล้านสักหน่อย ปรากฏเมื่อถ่ายภาพออกมา พระแขกที่ทุกคนเห็นกลับเป็นฤๅษีโพกหัวตัวดำรูปร่างผอมกะหร่อง พอถ่ายภาพเสร็จท่านแสดงปาฏิหาริย์หายตัวไปเลยอย่างอัศจรรย์ พวกโยมๆ จึงฮือฮาถามว่าทำไมถึงเป็นไปอย่างงี้ เราก็ตอบเขาว่าก็ฟากพนังที่เป็นก้อนหินป้ายนั้นแหละเป็นที่อยู่ของหลวงปู่โลกอุดร เป็นถิ่นกำเนิดของท่านอยู่ ณ ที่นี้ องค์ที่ท่านจำแลงรูปออกมาจากก้อนหินนี้คือหลวงพ่อโลกอุดร ท่านเป็นพระอริยเจ้าระดับอภิสมานกายคือกายทิพย์ จะปลอมแปลงตัวให้เป็นอย่างไรก็ได้
นี่รู้ไหมว่าพวกเราเข้ามาที่นี่มิใช่ที่ราบเรียบ แต่เราเดินมาอย่างสบายขึ้นเขาหิมาลัยมาได้อย่างไม่รู้ว่ามันสูงชัน ดูโน้นซิโยม หิมะที่ปกคลุมเขาเอเวอร์เลสต์ ขาวโพลนไปหมด แต่ขากลับเราก็จะเดินสบายเพราะต้องเดินลงได้อานิสงส์มาก ทุกคนก้าวหน้าร่ำรวยสบายแล้ว รูปนั้นถ่ายด้วยกล้องโพโลรอยด์ รูปจะออกมาให้เห็นทันที แต่ที่ถ่ายด้วยกล้องอย่างดีนั้น วันหลังเอาฟิลม์จากกล้องอย่างดีมาล้างดูจะเป็นอย่างไร และเมื่อล้างดูแล้วก็เป็นเหมือนกันหมด ดังที่เห็นในภาพนี้เอง ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็เป็นเรื่องของท่าน ขอให้คิดเอง แต่ผู้เขียนเชื่อเต็มร้อย เพราะเราถ่ายในสถานที่เกิดของท่าน
ที่มา https://palungjit.org/…/หลวงปู่โง่นสัมผัสวิญญาณพระสุพรรณกั…/