ปิ๊กคืนถิ่น

……..ปิ๊กคืนถิ่น………..ปกติแล้ว องค์หลวงปู่ทองทิพย์ท่านจะอยู่แต่ในห้อง ภายในวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร เก็บตัวอยู่เงียบๆตามสไตล์ของท่านคือ..”ดีบ่อดัง ดังบ่อดี”..ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้พบเห็นท่านไปไหนมาไหน…เว้นแต่ในช่วง งานบุญเดือนสาม (มาฆบูชา)..พอหลวงปู่ท่านจัดงานบุญที่วัดเสร็จ หลวงปู่ก็จะนำพาลูกศิษย์ลูกหาไปทำบุญ “อภัยทานชีวิต”..(ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า) ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำบุญเดือนสามเป็นประจำทุกปี บางครั้งท่านก็พาไปปล่อยในป่าลึกๆที่..คำชะโนด อ.บ้านดุงอุดรธานี หรือในบางครั้งก็ที่ ..วัดหนองเรือ(ตำนานเรือทองคำ) อ.โพนพิสัย หนองคาย…แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งจะเรียกว่า..พิเศษ..ก็ได้ ท่านได้ปรารภกับลูกศิษย์ว่าอยากจะไปเชียงใหม่ เมื่อศิษย์ทราบข่าวต่างก็ชักชวนกันอยากจะไปเปิดหูเปิดตานอกวัดกันบ้าง..จึงเป็นธุระจัดการติดต่อว่าจ้าง..รถทัวร์ (เป็นรถทัวร์สีแดง วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ..กับ..หนองคาย) ในครั้งนั้นมีผู้ร่วมติดตามขบวนทัวร์ไปกับหลวงปู่ร่วม40 คน..มีทั้งลูกศิษย์ที่วัดป่าสีดาฯ..ลูกหลานที่ร้อยเอ็ด..และที่กรุงเทพฯ ร่วมเดินทางไปด้วย..โดยการนำของหลวงปู่ทองทิพย์(มัคคุเทศน์กิตติมศักดิ์)…ในวันนั้นหลังจากหลวงปู่ฉันจังหันแล้ว ราวๆ9 โมง..ล้อรถทัวร์ก็หมุนเคลื่อนออกจากวัดป่าสีดาฯ..ใช้เส้นทางหนองบัวลำภู เลยเพชรบูรณ์ มุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ สมัยนั้นการเดินทางยังไม่สะดวกสบายเหมือนเดี๋ยวนี้แวะพักผ่อนตามปั๊มเป็นระยะๆ ทีนี้พอถึงตัวเมืองเชียงใหม่ จุดหมายที่จะไปต่อคือ”ถ้ำเสือดาว” ที่อำเภอเชียงดาว แต่โชเฟอร์คนขับรถทัวร์ไปไม่ถูกแล้ว..เพราะขับแต่ทางอีสาน ไม่ค่อยได้ขับขึ้นมาทางเหนือสักเท่าไหร่..แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นปัญหาใดใดเลยสำหรับหลวงปู่…องค์ท่านนั่งหน้ารถหลังคนขับ คอยสั่งการบอกเส้นทางคนขับรถเสมือนเป็นมัคคุเทศน์ผู้ชำนาญการ…เอ้า..ขับตรงไปเรื่อยๆ…พอถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายนะ จากนั้นจึงเลี้ยวขวา…ขับระวังๆล่ะ ข้างหน้าโค้งหักศอก เป็นเสียงของหลวงปู่ที่คอยกำกับโชเฟอร์ตลอดการเดินทาง …เรื่องแบบนี้ย่อมเป็นที่สงสัยแก่หมู่ศิษย์อย่างแน่นอน จึงมีศิษย์ผู้หนึ่งเอ่ยปากถามท่าน…”หลวงปู่รู้ได้ยังไงครับ ทั้งๆที่ปู่ก็ไม่เคยมาสักครั้ง”…หลวงปู่หัวเราะ หึ หึ..แล้วกล่าวว่า..” กูเทียวมาหลายครั้งแล้ว รู้เส้นทางแถวนี้ดี มาจนชินทาง”..ทำเอาบรรดาศิษย์ต่างหันมามองหน้ากันด้วยความแปลกใจเหมือนเช่นทุกครั้งที่เจอเหตุการณ์ทำนองนี้ และก็จบลงที่”บางอ้อ” เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาอีกเช่นกัน (สรุปก็คือหลวงปู่ท่านได้มาเยี่ยมเยียน..ตุ๊เจ้าเสือดาว(เจ้าสำนักถ้ำเสือดาว) อำเภอเชียงดาวในทาง “นิมิตภายใน” ก่อนแล้วนั่นเอง)…สักพักรถทัวร์(หนองคาย..เชียงใหม่) ก็มาจอดหยุดลงตรงที่..”หน้าปากถ้ำเสือดาว” ก่อนรุ่งสว่างในราว ตี๕..และที่น่าแปลกก็คือ…ครูบาราศรี โชติโก หรือ อีกนาม “ตุ๊เจ้าเสือดาว”..เจ้าสำนักถ้ำเสือดาว ก็อยู่รอท่า..ออกมารอต้อนรับหลวงปู่ทองทิพย์และคณะ ราวกับว่าได้รู้ล่วงหน้ามาก่อนกับการเดินทางมาของหลวงปู่ในครั้งนี้………..”นิมนต์ขอรับหลวงปู่”…เป็นเสียงพระผู้น้อย(ฤาษีตุ๊)นิมนต์พระผู้ใหญ่(หลวงปู่ทองทิพย์) ราวกับเป็นแขกคนสำคัญ(อาคันตุกะทางไกล) ให้พักผ่อนนั่งบนอาสนะที่จัดรับรองเตรียมไว้แล้วเป็นอย่างดีพร้อมกับน้ำร้อนน้ำชา…จากนั้นฤาษีตุ๊ท่านได้นั่งลงกับพื้น กระทำกิริยา…น้อมกายคาราวะต่อองค์หลวงปู่อย่างนอบน้อม ช่างเป็นภาพที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก..โดยเฉพาะลูกศิษย์หลวงปู่ในขณะนั้น…ด้วยความเหนื่อยล้าลูกศิษย์หลวงปู่ต่างก็พากันแยกย้าย หามุมสงบภายในถ้ำพักผ่อนเอาแรงกันตามอัธยาศัย.หลังจากที่นั่งรถกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานทั้งวันทั้งคืน ปล่อยให้หลวงปู่กับฤาษีตุ๊สนทนาคุยกันตามลำพังเพียงสององค์…….ก่อนจะไปต่อ…เรามาทำความรู้จักกับ”ดอยหลวงเชียงดาว” กันก่อนพอเป็นสังเขป..ดอยแห่งนี้ถือว่า”เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์”..มีถ้ำต่างๆเรียงรายอยู่มาก อาทิ..ถ้ำหลวงเชียงดาวเป็นถ้ำที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยเคยมาบูรณะและพำนักปฏิบัติธรรม ณ..ที่แห่งนี้..นอกจากนี้ชาวเหนือยังเชื่อว่าเป็นที่สถิตย์ของ..”เจ้าหลวงคำแดง”..เทพเจ้าแห่งขุนเขาที่ชาวล้านนาให้ความเคารพเสมือนเป็น”ราชันย์อารักษ์ของนครเชียงใหม่” อันเป็นประมุขของภูตผีและเหล่าชาวบังบดลับแล ตลอดถึงชาวเชียงใหม่ให้อยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข..เช่นเดียวกับ “พระสยามเทวาธิราช” บ้านเรา..นอกจากที่ถ้ำเชียงดาวแล้วก็มี “ถ้ำผาปล่อง” เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ “หลวงปู่สิม พุทธาจาโร” ลูกศิษย์องค์สำคัญองค์หนึ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และก็ยังมี”ถ้ำปากเปียง”ดินแดนแห่งพระอริยเจ้า ท่ามกลางธรรมชาติ ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อันเขียวชอุ่มมี“หลวงปู่เจริญ ญานวุฑโฒ” พระอริยสงฆ์สายหลวงปู่มั่นเช่นกันเป็นเจ้าอาวาสที่นี่…และที่ขาดไม่ได้ก็คือ…”ถ้ำเสือดาว” รวมอยู่ด้วย..ถ้ำต่างๆเหล่านี้ล้วนอยู่ในเขตถ้ำหลวงเชียงดาวแทบทั้งสิ้น…ถ้ำเสือดาวนี้จัดว่าเป็นสถานที่สงบ วิเวก แล้วก็น่ากลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาค่ำคืน..ไม่มีใครกล้าเดินผ่านมาแถวนี้..สถานที่แห่งนี้พระสงฆ์องค์ใดที่มาพัก…”บุญไม่ถึง บารมีไม่พอ”..จะต้องมีอันเป็นไป มิอาจจะพักอาศัยอยู่ ณ..สถานที่แห่งนี้ได้เลย…แต่สำหรับ..ตุ๊เจ้าเสือดาวแล้วกลับเป็นสถานที่สัปปายะเอื้อต่อการบำเพ็ญเพียรบารมีขั้นอุกฤษณ์ ในการพัฒนาจิตขัดเกลากิเลสได้เป็นอย่างดี…….ตุ๊เจ้าเสือดาวองค์นี้ต่างจากพระสงฆ์ทั่วไปคือท่านมีจริยาวัตรที่งดงาม จิตใจที่เด็ดเดี่ยวถือธุดงควัตร 13 ประการ อย่างเคร่งครัด ยากที่พระสงฆ์ทั่วไปจะปฏิบัติได้ …ไม่ว่าเนสัชชิก(ไม่นอน…จะหลับในฌานสมาธิเท่านั้น)…ปิดวาจา(ไม่พูดกับใคร)..ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ฉันแต่เพียงผลไม้ เป็นต้น…..จะขอพูดถึง “เณรอุปฐาก”…ที่คอยติดตามดูแลองค์หลวงปู่ทองทิพย์ในขณะนั้นชื่อ..“สามเณรทวีชัย”(ศักดิ์เป็นเหลนหลวงปู่..คือเณรองค์ซ้ายมือที่อุ้มไก่ดังในภาพ)…น้องเณรองค์นี้เมื่ออยู่ในถ้ำก็อยากรู้ อยากเห็น เดินสำรวจไปทั่ว เผอิญมีถ้ำภายในลึกเข้าไปอีกอยากจะเข้าไปดูข้างใน แต่มีประตูปิดกั้นอยู่ จึงเดินมาขออนุญาต ฤาษีตุ๊ เพื่อขอชมหน่อย…แต่แทนที่ท่านฤาษีจะอนุญาต..กลับบอกว่าให้ไปขอกับหลวงปู่เอาเน้อ…เฮาเป็นเพียงผู้เฝ้าดูแลเท่านั้น ..ต้องไปขอเอากับเจ้าของถ้ำคือ”หลวงปู่ทองทิพย์” ยังความแปลกใจให้กับสามเณรทวีชัยอีกครั้ง แต่สามเณรก็ได้ปฏิบัติตามคำที่ฤาษีตุ๊ว่า………จะขอย้อนรอยเรื่องราว…”ตำนานศรัทธาและความเชื่อ”..อันเกี่ยวเนื่องกับ ดอยหลวงเชียงดาว ตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่ อรรถาจารย์ เล่าสืบต่อกันมาว่า “สมเด็จองค์อัมรินทราธิ-ราชเจ้า ประมุขแห่งเทพเทวาบนสวรรค์ชั้นฟ้ามีเทวบัญชาเรียก..ประชุมเทวดา อินทร์พรหม ยักษ์ อสูร นาคราช เป็นต้น..ให้เนรมิตจัดทำสิ่งวิเศษต่างๆ..เช่น พระพุทธรูปทองคำ ต้นโพธิ์ทองคำ ช้างวิเศษหรือช้างเอราวัณ ดาบวิเศษหรือดาบศรีกัญชัย ม้าวิเศษอาหารทิพย์ เป็นต้น…เพื่อรอการกลับมาของ “องค์พระศรีอริยะเมตตรัย” ในอนาคตเบื้องหน้าและของวิเศษเหล่านี้จะถูกเก็บรักษาไว้ในส่วนลึกภายในถ้ำจนสุดประมาณได้อันเป็นที่อยู่ของเหล่าบรรดากายทิพย์ เมืองลับแล เป็นการยากที่ผู้ใดจะพบเห็นหรือเข้าไปได้ เพราะมีด่านภยันตรายต่างๆอยู่อย่างมากมาย…ย้อนรอยเสร็จก็ยูเทริ์นกลับเข้าเรื่องของเรากันต่อ…ก่อนที่คณะทัวร์บุญของหลวงปู่ทองทิพย์จะเดินทางกลับ หลวงปู่ท่านได้บอกบุญลูกศิษย์ลูกหาให้ช่วยกันทำบุญคนละ5 บาท10บาท เพื่อเป็นค่าอิฐ หิน ปูน ทราย บูรณะสร้างบันไดทางขึ้นถ้ำเสือดาวถวายฤาษีตุ๊ ให้กลับมาใช้ได้ดีดังเดิม……ฤาษีตุ๊เองท่านก็ได้มอบเหรียญของท่าน…คราวที่ท่านจาริกธุดงค์ไปอินเดีย เมื่อ พ.ศ.2518…มอบแก่ลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่ทุกคน ไว้เป็นที่ระลึก (ภาพประกอบเหรียญจริงฤาษีตุ๊ที่มอบให้..สามเณรทวีชัย ในครั้งนั้น)…ดังนั้น..ในการมาเชียงใหม่ของหลวงปู่ทองทิพย์และคณะ..จึงเสมือนหนึ่งท่านได้กลับมายังถิ่นฐานบ้านเดิม(ถ้ำเสือดาว)..อีกครั้ง…ท่านน่าจะเคยสร้างสม..อบรม..บ่มเพาะบารมี..แห่งโพธิสัตว์ปฏิปทา ณ..ที่ถ้ำสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มาแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย…ถนนนทุกสาย เส้นทางทุกเส้น..ที่มุ่งสู่ถ้ำเสือดาว หลวงปู่ท่านรู้แจ้งเห็นชัดตลอดการเดินทาง บอกทางโชเฟอร์จนขับมาถึงหน้าปากถ้ำเสือดาว ราวกับว่าท่านได้เคยมาสถานที่แห่งนี้มาก่อนแล้ว..และด้วยคำที่ท่านว่า“กูเทียวมาหลายครั้งแล้ว..มาจนชินทาง” …บวกกับคำพูดของท่านฤาษีตุ๊ที่ว่า”ให้ไปขอหลวงปู่เอา บ่อใช่เฮา….เฮาเป็นเพียงผู้มาเฝ้าและอาศัยปฏิบัติธรรมเท่านั้น” ย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า….หลวงปู่ทองทิพย์ท่านต้องเคยอยู่บำเพ็ญบารมี ณ.ที่ถ้ำเสือดาวแห่งนี้มาตั้งแต่ครั้งอดีตแล้ว…การกลับมาคราวนี้ของท่าน จึงเหมือนการได้กลับมาเยือนบ้านเก่า..บ้านเดิมอีกครั้ง…ดั่งที่หมู่เฮา จาวเหนือ มักเอิ้น(พูด)เป็นภาษาเมืองว่า”ปิ๊กคืนถิ่น”(คืนสู่เหย้า)..นั่นเอง……และในกาลข้างหน้า…ก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน..ที่องค์ท่านจะ…“ปิ๊กคืนถิ่น”(กลับมาอีกครั้ง)….ณ..ดอยหลวง เชียงดาว(ถ้ำเสือดาว)….ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในตำนานแห่งศรัทธาและความเชื่อเกี่ยวกับ “ของวิเศษ”…ที่จะปรากฏ..เป็นของคู่ขวัญคู่บารมี…รับขวัญการอุบัติของ “คนบุญ ผู้แก่คุณแก่ชาติ…แก่อำนาจ วาสนาและบารมี”..พระนามว่า”พระศรีอริยเมตตรัย”…ต่อเมื่อวาระนั้นมาถึง…

แชร์เลย

Comments

comments

Share: