พบหลวงป๋าครั้งแรกในนิมิต โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
การที่ผมได้มาเจอหลวงป๋านั้นเป็นเรื่องที่เกินความคาดฝัน ในราวปีพ.ศ. 2520 ช่วงนั้นผมยังเป็นนิสิตปี 3 ของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย คืนหนึ่งผม (อู๋) ได้มีนิมิตที่แปลกมหัศจรรย์มาก โดยฝันว่าผมได้เดินทางไปในที่แห่งหนึ่งที่ไม่เคยไปมาก่อน สถานที่นั้นเป็นถนนตรงๆ แคบๆ สองข้างทางเป็นกำแพงอิฐสีขาว จิตของผมก็วิ่งเข้าไปตามทางแคบๆ นั้น สุดทางถนนนี้เป็นโบสถ์แห่งหนึ่งตั้งขวางทางอยู่ จิตของผมก็วิ่งเข้าไปในโบสถ์ สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมต้องตกตะลึงเพราะมีพระองค์หนึ่งศีรษะโล้นห่มจีวรเหมือนพระทั่วไป แต่ท่านเป็นทองคำทั้งองค์เหลืองอร่ามเลย
ใบหน้าของท่านก็เหมือนคนธรรมดาไม่ใช่ใบหน้าของพระพุทธรูป สิ่งที่ผมมองเห็นนั้นมันช่างชัดเจนเสียยิ่งกว่าการมองด้วยตาเสียอีก ผมสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนละเอียดขนาดมองเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของท่าน สังเกตุว่าพระองค์นี้ไม่เหมือนพระพุทธรูปทั่วไป เพราะใบหน้าของท่านมีความมันเหมือนกับมีชีวิตแต่เป็นผิวสีทองคำสวยงามติดตา ผมมองขึ้นไปก็เห็นเส้นผมของท่านก็เป็นทองคำ ผมของท่านสั้นๆ โผล่ขึ้นมาจากผิวหนังเพียงเล็กน้อยเป็นเส้นเล็กๆ แต่เป็นทองคำทุกเส้น
ในชีวิตผมก็เพิ่งเคยเห็นคนเป็นทองคำทั้งตัวก็ครั้งนี้แหละ เหมือนกับเราดูหนังกำลังภายในเรื่อง 18 อรหันต์ทองคำ ที่มีพระซึ่งฝึกวิชาสำเร็จแล้วเป็นทองคำทั้งตัวสีมันวาวอย่างไรอย่างนั้น พระองค์นี้ท่านนั่งหันหน้าออกมาทำให้ผมเห็นท่านได้ทั้งองค์ ท่านนั่งในท่าขัดสมาธิหลับตานิ่งอยู่เบื้องหน้าของพระประธานสีทองเหลืองอร่ามองค์ใหญ่ภายในโบสถ์แห่งนี้ พระประธานองค์นี้ก็เหมือนกับพระพุทธรูปทั่วไป ที่แปลกไปก็คือพระทองคำที่เป็นมนุษย์ทองคำเท่านั้น ภาพของพระองค์นี้ติดตราตรึงใจผมจนกระทั่งตื่น
ต่อมาไม่นาน “พี่ตี้” รุ่นพี่ของผมซึ่งท่านก็เป็นอาจารย์ของผมด้วย (ที่คณะนี้สมัยนั้นรุ่นพี่และรุ่นน้องรักและสนิทสนมกันมาก) ได้ชักชวนผมไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์ทางธรรมของพี่ตี้ด้วย ท่านทำงานอยู่ที่ยูซิส (USIS) ถนนสาธรซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุฬานัก ผมตกลงไปด้วยเพราะชอบปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิอยู่แล้ว เมื่อไปถึงตึกที่ทำงานของท่านเราก็ต้องเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง พอไปถึงห้องทำงานของท่านผมก็ต้องตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่ สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าผมก็คือผู้ชายท่านหนึ่งนั่งทำงานแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
ใบหน้าของท่านเหมือนกับพระทองคำที่ผมเห็นในนิมิตไม่มีผิดเพี้ยนเลย ท่านเป็นคนเดียวกับพระทองคำที่นั่งอยู่ในโบสถ์องค์นั้นแน่นอน 100% ใบหน้า ดวงตา จมูกและปาก ผมตัดสั้นๆ เกือบติดหนังศีรษะเหมือนในนิมิตเป๊ะเลย เป็นไปได้อย่างไรกันที่คนเราจะเห็นอีกคนก่อนที่จะมาได้พบกันจริงๆ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ถ้าไม่เกิดกับตัวเองก็ยากที่จะเชื่อ คำแรกที่ผมพูดขึ้นมาก็คือ “อาจารย์ครับ ผมเคยเห็นอาจารย์มาก่อนแล้วในนิมิต ผมเห็นอาจารย์เป็นพระทองคำนั่งอยู่ในโบสถ์ที่ไหนไม่ทราบ อาจารย์นั่งอยู่หน้าพระประธานครับ”
ตอนนั้นหลวงป๋าท่านยังไม่ได้บวช ยังเป็นฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรมได้แต่หัวเราะเบาๆ แต่สำหรับผมนั้นยังรู้สึกตื่นเต้นปนประหลาดใจต่อเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 39 ปีแล้วที่ผมอยู่กับหลวงป๋า ไม่เคยจากท่านไปไหนเลย เหมือนได้มีพ่อที่เคารพรักอีกคนในโลกใบนี้ หลวงป๋าท่านเป็นพระทองคำตั้งแต่ท่านยังไม่ได้บวชด้วยซ้ำ แล้วผมก็ไม่เคยสงสัยในคุณธรรมของท่านเลยตลอด 39 ปีที่ผ่านมา ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าท่านคือพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่ลงมาเพื่อสร้างบารมีในยุคนี้ (กลียุค)
ต่อมาในภายหลังผมจึงได้มีโอกาสไปที่วัดปากน้ำ เมื่อถึงด้านหน้าวัดเราจะต้องเดินเข้าวัดโดยผ่านถนนแคบๆ ถนนเส้นนี้ (หน้าคณะเนกขัม) ก็เหมือนกับถนนในนิมิตที่ผมเห็นอย่างไรอย่างนั้นเลย สุดถนนก็เป็นโบสถ์ตั้งขวางอยู่ ภายในโบสถ์ก็มีพระประธานสีทองอร่ามองค์ใหญ่ ทุกอย่างตรงตามนิมิตที่ผมเห็น เพียงแต่ไม่มีหลวงป๋านั่งอยู่หน้าพระประธานเท่านั้น เพราะท่านไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดหลวงพ่อสด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรีแล้ว นิมิตของผมครั้งนี้มันช่างมห้ศจรรย์จริงๆ…