“…การเผยแผ่วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อในสมัยท่านมีชีวิตนั้น มีอุปสรรคขัดขวางมากมาย เพราะไม่เคยมีผู้ใดสั่งสอนปฏิบัติธรรมแบบนี้ ที่พอมีอยู่บ้างก็ไม่ค่อยสอนละเอียดลออแบบหลวงพ่อ พูดตามแบบสมัยใหม่ก็คือไม่ค่อยมีใครกล้าฟันธงแบบหลวงพ่อ สมัยนั้นจะมุ่งส่งเสริมพระสงฆ์สามเณรไปในทางปริยัติเพียงด้านเดียว พระที่สนใจปฏิบัติธรรม ก็มักจะหลีกเร้นไปแสวงหาความวิเวก บำเพ็ญเพียรตามชนบทไกล ๆ มักจะออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ที่คนเรียกกันว่าพระป่า หลวงพ่อวัดปากน้ำจึงเป็นพระสฆ์องค์แรก ที่กล้าสอนปฏิบัติธรรมอย่างละเอียดลออ และเปิดผย ท่านจึงเป็นที่เพ่งเล็งและเป็นเป้าที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยเฉพาะคำว่าธรรมกาย ไม่เป็นที่คุ้นหู เกิดมาไม่เคยได้ยิน เพิ่งจะได้ยินจากหลวงพ่อสดนี่แหละ คนฟังก็ไม่คิดจะค้นคว้าว่ามีปรากฎในพระไตรปิฎกหรือไม่ หาว่าหลวงพ่ออุตริบัญญัติขึ้นเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยพูด ไม่เคยสอนอะไรแบบนี้ และไม่ยอมทดลองปฏิบัติด้วยตนเองเสียด้วย คิดว่าหลวงพ่อตั้งตนเป็นศาสดาในลัทธิใหม่ หลวงพ่อจะพูดเสมอว่า ” คนพูดพวกนี้ พูดไปอย่างไร้ภูมิ ไม่มีที่มาเขาจะบัญญัติขึ้นได้อย่างไร เป็นถ้อยคำของคนเซอะ “ผู้ที่คัดค้านการปฏิบัติของท่านมีทั้งพระเถรานุเถระและฆราวาส หลวงพ่อท่านต้องการเชิดชูธงธรรมกายที่ท่านได้ค้นพบให้ปลิวไสวไปทั่วทุกพื้นปฐพี แม้ว่าจะถูกเย้ยหยันถากถาง ใครถามท่านถึงการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ ท่านก็บอกว่า ” ดอกไม้ที่หอมไม่ต้องเอาน้ำหอมมาพรมก็หอมเองใครจะห้ามไม่ได้ ซากศพไม่ต้องเอาของเหม็นมาละเลงใส่ ซากศพก็ต้องแสดงกลิ่นศพให้ปรากฏ ปิดกันไม่ได้ “อุปสรรคขวากหนามของหลวงพ่อนั้นมีนานัปการ ตั้งแต่ถูกกล่าวหาว่าอุตริตั้งลัทธิใหม่ นำคำว่าธรรมกายไปเยาะหยัน ปนกับคำว่าอสุรกาย ไปจนถึงกล่าวหาอวดอุตริมนุสธรรม ต้องการให้หลวงพ่อถูกจับสึกเลยทีเดียว เพราะเป็นข้อหาที่ร้ายแรง ตามวินัยสงฆ์ถือว่าการอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน เป็นหนึ่งในส่ีของอาบัติข้อปาราชิก มีอันให้ต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุได้ แต่ผู้ที่ต้องการจะทำลายหลวงพ่อนั้นหาคิดบ้างไม่ว่า อันอุตริมนุสธรรมนี้ หมายถึงธรรมอันยอดยิ่งของมนุษย์ เป็นธรรมขั้นสูงสุดของมนุษย์ เป็นธรรมล้ำมนุษย์ ได้แก่ คุณวิเศษซึ่งมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีหรือเป็นได้ เป็นวิสัยของท่านผู้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว อุตริมนุสธรรม ได้แก่ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรคและผล เมื่อผู้ใดเข้าถึงแล้วย่อมข้ามพ้นโอฆะทั้งมวล ถึงฝั่งพระนิพพานได้ ผู้ที่จะเข้าถึงอุตริมนุสธรรมได้ ต้องเป็นผู้มีบารมีธรรมสูง มีความพากเพียรในการปฏิบัติ มีศีลจารวัตรงดงาม แต่ผู้ที่ไม่มีแล้วกล่าวโอ้อวดนี่สิควรจะได้รับการประณาม…” หลวงพ่อสดท่านกล่าวไว้เมื่อครั้งโดนโจมตี มีปรากฎในพระนิพนธ์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณณสิริ) ว่า… “คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะความปรารถนาลาลกทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จักคำว่า “ธรรมกาย” มีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะกลบก็กลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติที่เราได้กระทำกันอยู่ แสดงให้เห็นว่าคณะวัดปากน้ำไม่ได้กินแล้วนอน เป็นสำนักที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เท่ากับเอาสำนักเราไปเผยแพร่ ดีเสียกว่าการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เพราะการที่เขานำไปพูดเช่นนั้นเป็นการกระทำของผู้พูดเอง เราไม่ได้จ้างไม่ได้วานใคร เมื่อพูดทางไม่ดีได้ก็ต้องมีคนพูดทางดีได้เหมือนกัน ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่ต้องเดือดร้อนใจ เพราะธรรมกายของพระพุทธศาสนาเป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นความจริงแก่ผู้เข้าถึงธรรม เรื่องอย่างนี้เราไม่หวั่น เราเชื่อในคุณพระพุทธศาสนา”
คัดลอกบางส่วนจากหนังสือตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำฉบับสมโภชพระเจดีย์มหารัชมงคล