ชนชาติอื่นที่ไม่นับถือพระพุทธศาสนา จะมีนรกสวรรค์อยู่ในสถานที่เดียวกันหรือไม่

❓ถาม : ชนชาติอื่นที่ไม่นับถือพระพุทธศาสนา จะมีนรกสวรรค์อยู่ในสถานที่เดียวกันหรือไม่❓
✅ตอบ : ถามโยมง่ายๆ ว่า ฝรั่ง แขก จีน ไทย อยู่ในโลกเดียวกันหรือเปล่า อยู่เหมือนกันนะ เพราะเป็นเรื่องของภูมิจิต สัตว์โลกไปที่ไหน ไปอยู่รวมกัน นั่นเป็นเรื่องของภูมิจิต ภูมิจิตในระดับมนุษยธรรมก็มาเกิดอยู่ในโลกนี้
✅โลกกลมๆ นี่ เดิน 2 ขา มี 2 แขน หัวตั้งอยู่บนคอเรียก “คน” หรือ “มนุษย์” ถ้ารูปร่างทำนองนี้ละก็อยู่ในโลกนี้ แต่ถ้าภูมิจิตต่ำไปกว่านี้ ก็มีโลกอันหนึ่งอยู่ของเขา รวมกันแบบอยู่ในโลกนี้แหละ แต่เป็นอีกโลกหนึ่ง อยู่ในโลกเดียวกัน เช่น ภูมิจิตในระดับสัตว์ดิรัจฉานก็อาศัยโลกนี้ ทั้งในและบนแผ่นดิน ในน้ำ และในอากาศ เช่น หมู หมา กา ไก่ ช้าง ม้า วัว ควาย หลายประเภทไปจนถึงยุงอยู่ในป่า ไส้เดือนอยู่ในดิน นกบินอยู่ในท้องฟ้า ไปจนถึงปลาวาฬที่อยู่ในน้ำ เชื้อโรคจุลินทรีย์อยู่ในน้ำครำน้ำสกปรก และจุลินทรีย์ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ นี่โลกของเขาเรียกว่า โลกของสัตว์ดิรัจฉาน แต่ว่าภูมิจิตต่ำแตกต่างกันไปนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
✅ภูมิของเปรต เปรตก็อาศัยโลกนี้เหมือนกัน แต่ว่าเรามองไม่เห็น เปรตนี่มีและมีเยอะด้วย ถ้าถึงธรรมกายแล้วจะได้ดูว่าเปรตเป็นอย่างไร ตามที่เขาว่านั่นแหละ เปรตมีเป็นร้อยๆ ชนิด แต่เปรตที่อยูใกล้มนุษย์ที่คอยขอส่วนบุญชื่อ ปรทัตตูปชีวิกเปรต นั่นนะถ้าเราทำบุญแล้วอุทิศให้แล้วเขาได้รับ เราทำดีแล้วอุทิศส่วนกุศลให้เขารับได้ แต่ไปยื่นให้อย่างนี้กินไม่ได้ คนจีนเข้าใจผิดเอาของไปเซ่น แหม ส้มก็ไม่ปอกซะด้วยนะ เอากลับไปกินเองใหม่ได้ หัวหมูบ้าง อะไรบ้าง ไปตั้งเซ่นไหว้ให้บรรพบุรุษได้กิน ก็กินไม่ได้ ด้วยอำนาจของกรรม จะเอื้อมมือไปหยิบก็ไม่ถึง หรือแม้ว่าจะเอาอาหารดีๆ ไปให้กิน เปรตบางชนิดไม่กิน คือบุญไม่ถึงจะให้กินได้
✅แล้วกินอะไร ? บาปอกุศลบังคับให้กินน้ำเหลืองตัวเอง ถ้าหาน้ำเหลืองของคนอื่นไม่ได้ก็กินของตัวเอง หรือเที่ยวได้กินน้ำลายเสมหะหรืออุจจาระ เหมือนหมูเหมือนสุนัข สูบกินอย่างนั้น มีหลายอย่าง บางรายกินอะไรก็ไม่ได้เพราะปากมันเล็กนิดเดียว บางรายรูปร่างก็เป็นแต่ชิ้นเนื้อ โดนอะไรหน่อยก็เจ็บแสบ บางทีก็ถูกกาปากเหล็กจิกกิน มีสารพัดละเปรต
✅ด้วยอำนาจของกรรม กินเองไม่ได้ บางทีเห็นว่าเป็นน้ำ กระหายเหลือเกิน วิ่งเข้าไปพอจะกินเข้า บางทีเห็นเป็นน้ำแน่นอนละ พอกระโดดเข้าไปว่าจะอาบจะกิน ก็กลายเป็นหินเป็นดินเป็นทราย แห้งแล้ง คอแห้งผาดเลย หิวต่อไปอีกเป็นร้อยปีเป็นพันปี
✅โลกของเปรตก็อาศัยพื้นพิภพนี่ แต่เรามองไม่เห็น อยู่ตามหุบเขาก็มี อยู่ตามวัดวาอารามเที่ยวไปขอส่วนบุญก็มี นี่เปรต สัตว์นรกก็อยู่ด้วยกันอีกแหละ แต่ว่าเป็นโลกของสัตว์นรก มีภูมิใหญ่อยู่ 8 ภูมิ 8 ขุมใหญ่
✅อยู่ที่ไหน ? โยมต้องเข้าใจว่าในจักรวาลนี้ ศูนย์กลางจักรวาลนี่เป็นของทิพย์ มึภูเขาพระสุเมรุเป็นแกนกลาง ในส่วนเชิงเขาพระสุเมรุเป็นดิน แต่เป็นดินที่เป็นทิพย์ด้วยนะ แล้วก็มีดินหยาบ ดินหยาบก็คือว่า อย่างทวีปนี้เป็นชมพูทวีป มีดินนี่ผืนแผ่นดินอย่างนี้ ทวีปอื่นๆ มีอีก แต่เป็นของทิพย์มีอยู่ ของทิพย์ใหญ่รวมหมดแหละ
✅กามภพ มีตั้งแต่สัตว์โลกประเภทชั่นต่ำคือ สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน ภูมิสูงขึ้นมาเป็นมนุษย์ เทวโลก นี่ภูมิสูงขึ้นไปถึงเทวโลก เทวโลกบางส่วนอย่างชั้นดาวดึงส์ก็อยู่บนพื้นดิน แต่ดินนั้นเป็นทิพย์อยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ เทวดาก็เดินบนดิน อย่างพระอินทร์นี่เดินบนดิน แต่เป็นดินทิพย์และเต็มไปด้วยแก้วกายสิทธิ์อันเป็นทิพย์ พระอินทร์และเทวดาบนชั้นดาวดึงส์จึงเหมือนเดินลอยๆ ไปบนดินเพราะมีแก้วกายสิทธิ์รองอยู่ นั่นอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ
✅แล้วข้างล่างเขาพระสุเมรุนี่ ส่วนที่เป็นดินนั้นก็จะเป็นดินเป็นหินที่เป็นทิพย์และที่เป็นของหยาบ อย่างที่เราเห็นๆ อยู่นี่แหละ และใต้ลงไปอีก เป็นที่อยู่ของอสูร ที่เรียกว่า อสุรกาย อสุรกายเป็นยักษ์นะ แล้วก็อีกส่วนหนึ่งที่ตรงกับพื้นดินที่เป็นทิพย์นั่นแหละ
✅ข้างล่างลงไปน่ะเป็น นรก 8 ขุม ขุมสุดท้าย คือ อเวจีมหานรก ขุมนั้นส่วนมากผู้ที่ทำมาตุฆาต ปิตุฆาต ฆ่าพ่อฆ่าแม่ อรหันตฆาต คือฆ่าพระอรหันต์ แล้วก็ทำร้ายพระพุทธเจ้าแม้เพียงทำให้เท้าห้อเลือด หรือยังสงฆ์ให้แตกแยกกัน เป็นต้น เป็นอนันตริยกรรม ประเภทนี้จะอยู่ในขุมนั้นทั้งสิ้น ได้รับผลกรรมนี้ก่อนใครเพื่อน แม้ใครจะเคยได้ทำความดีมาก่อน ทำบุญมามากเพียงใด พอตายก็ลงพรวดไปโน่นแหละ ลงอเวจีมหานรกนี้ก่อน เพราะอนันตริยกรรมนั้นเป็นกรรมหนัก จึงต้องได้รับผลกรรมนั้นก่อน อเวจีมหานรกนี้อยู่ชั้นล่างสุดของกามภพ อยู่ต่ำสุด ท้ายนรกขุมอื่น ส่วนบนภพมนุษย์ขึ้นไปเป็นเทวโลก มีอยู่ 6 ชั้น
✅พ้นจากอเวจีมหานรกนี้ไป เป็นอากาศว่างจนสุดของจักรวาลไปเป็นโลกันตนรก โลกันตนรกอยู่นอกขอบจักรวาลเหมือนกับบริเวณพื้นที่นอกของวงกลม 3 วงที่มาจรดกันพอดี เรียกว่า อยู่นอกขอบจักรวาล 3 จักรวาล ที่ขอบนอกจักรวาลจรดกันพอดีนั่นแหละ
✅โอกาสที่จะได้กลับมาเป็นมนุษย์หรือแต่จะได้กลับมาอยู่ในภพ 3 อีกนั้นยากเต็มที เป็นสถานที่มืดมิด อยู่ด้วยทะเลน้ำกรด พอสัตว์นรกที่ไต่อยู่ตามขอบจักรวาลพลัดตกลงไปในน้ำกรดก็ฟู่กัดกินละลายจนเละ แต่ไม่ตาย เจ็บปวดแสบปวดร้อน แล้วก็พยายามตะเกียกตะกายกลับขึ้นมาใหม่ด้วยอำนาจของกรรม ไต่ขึ้นมาเหมือนกับตัวอะไรก็ไม่รู้ผอมๆ โทรมๆ ตัวสั่นแหง็กๆ เล็บยาวๆ นั้น นั่นกรรมหนัก
✅เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้วก็ทำผิดระดับหนักๆ เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรงกล้า เช่น พวก “สัสสตทิฏฐิ” ที่เห็นผิดว่าโลกเที่ยง หรือพวก “อุจเฉททิฏฐิ” ที่เห็นผิดว่าโลกสูญ เป็นต้น อยู่นั่นแหละ แทบจะไม่มีโอกาสได้มาผุดมาเกิดในภพ 3 นี้อีกเลย ลืมบอกไปหน่อยเวลาเขาจัดมวย แหมชื่อรายการ “ศึกสะท้านโลกันต์” โอ้โฮ ! นั่นไม่รู้ว่าาแย่ที่สุด !! แต่ยังไม่เคยได้ยินรายการ “ศึกสะท้านอเวจี” นี้ยังไม่ได้ยิน มีแต่สะท้านโลกันต์ นี่เป็นเพราะพวกเขายังไม่เคยไปเห็น แต่ถ้าได้ไปเห็นละก็ไม่ได้มาจัดมวยรายการศึกสะท้านโลกันต์อีกล่ะพ่อเอ๋ย
✅เพราะฉะนั้น ที่ถามว่าชนชาติอื่นจะอยู่ในนรกเดียวกันหรือเปล่า ? ก็ตอบว่า ถ้าทำความชั่วหรือบาปอกุศลก็ไปเกิดในนรกเดียวกันนั้นแหละ แต่ว่าไปเกิดอยู่ในชั้นที่เคยทำกรรมหนักเบาแตกต่างกัน จะอยู่ตรงไหน ก็ไม่เลือกว่าจะเป็นชาติไหนศาสนาใด เพราะเป็นของกลาง
✅ภูมิธรรมภูมิจิตของใครสูงหรือต่ำแค่ไหนก็ไปตามกรรมในระดับชั้นนั้นละ อยู่ตรงนั้นละ ไม่ว่าแขกไม่ว่าไทยไม่ว่าใครทั้งนั้น ทางสวรรค์ใครทำดีพ้นระดับมนุษยธรรมถึงเทวธรรมก็ไปสวรรค์ 6 ชั้นนั่นแหละ ไปตามลำดับคุณความดี
✅ถ้าใครมีฌาน ก่อนจะตายจิตไม่เสื่อมจากฌาน แต่ไม่ได้ปฏิบัติวิปัสสนาให้มันแก่กล้า ตายไปก็ไปเกิดเป็นพรหม ชาติไหนก็เป็น แขกก็เป็น แต่ฟอร์มเขาเหมือนๆ กันนะ ฟอร์มเทวดาก็เป็นกายโปร่งแสง มีรัศมี มีเครื่องประดับ เครื่องทรงอลงกรณ์ ฟอร์มสัตว์นรกก็เหมือนคนนั้นแหละแต่รุ่งๆ ริ่งๆ เสื้อผ้าไม่มีนุ่ง เปรตก็เหมือนกันโทงๆ เลยแหละ เทวดานั่นโปร่งสวยงามตามอำนาจของบุญ
✅บุญทำอย่างไรถึงจะได้เป็นเทวดา ? เป็นมนุษย์ก่อน มนุษย์นี่เป็นคนมีทานกุศล ศีลกุศล นี่เฉพาะเบื้องต้นนะ บุญกุศลคุณความดีมาตรฐานเบื้องต้น และก็ประพฤติปฏิบัติละเว้นอกุศลกรรมบถ คือ ไม่ประพฤติทุจริตทางกาย เช่น ไม่ลักฉ้อ ไม่กบฏคดโกงใคร ไม่ผิดลูกผิดเมียใคร ไม่ฆ่าใครโดยเจตนาเป็นต้น ละวจีทุจริต คือ ไม่พูดปด ไม่ยุแยกให้แตกสามัคคี ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ ละมโนทุจริต คือไม่โลภจัดหรือตัณหาราคะจัด ไม่โกรธพยาบาทอาฆาตจองเวร และไม่หลงถึงขนาดไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าละอย่างนั้นได้ เป็นผู้มีศีลอย่างน้อยศีล 5 ทำคุณความดี มีทานกุศล ศีลกุศล เป็นต้น อย่างนี้เป็นคุณความดีในระดับมนุษยธรรม ตายไปได้มาเกิดเป็นมนุษย์ นี่ว่าแต่คุณความดีขั้นมาตรฐานเบื้องต้นนะ มนุษย์อื่นที่บำเพ็ญบารมีมีความดีสูงกว่านี้ บุญกุศลก็ติดตามเป็นวิบากกรรมให้ได้รับผลต่อๆ ไป หลังจากการเกิดเรียกว่า “ปวัตติกาล” คือหลังจากการตั้งปฎิสนธิแล้วเกิดมาก็ได้รับผลเป็นความสุขความเจริญดำเนินชีวิตไไปด้วยดีต่อๆ ไป
✅เทวดา มีศีล มีธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ คือเป็นผู้มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปอกุศล มีทั้งศีลทั้งธรรม มีธรรมได้แก่ทานกุศล ภาวนากุศล เป็นต้น นั่นตายไปแล้วมักจะได้ไปเกิดในเทวโลก โยมนี่ถือศีล 8 แม้ถือเพียงครึ่งวัน ถ้าเกิดตายไปเดี๋ยวนี้ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์อยู่ เพียงครึ่งวันเคยมีตัวอย่างมาแล้ว มีเรื่องอยู่ในคัมภีร์ รักษาศีล 8 เพียงครึ่งวัน ตายไปคืนนั้นได้ไปเกิดเป็นเทวดา นี่แหละถือคุณความดีเพียงได้ถือศีล 8 เพราะฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงอานิสงส์ของการเจริญภาวนาให้ใจสงบจากกิเลสนิวรณ์ แล้วก็พิจารณาสภาวธรรมให้เกิดปัญญาเป็นวิปัสสนาปัญญา ซึ่งมีอานิสงส์สูงขึ้นไปอีก ว่าจะได้รับผลานิสงส์คือผลจากบุญกุศลดังกล่าวมากเพียงไหน
✅บุญกุศลอย่างนี้ถ้าได้มาเกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ชั้นสูง ถ้าไปเกิดในเทวโลก โน่นแหละก็อยู่ในเทวโลกชั้นสูง อาจถึงชั้นดุสิตเทวโลก ซึ่งเป็นชั้นของผู้บำเพ็ญบารมี ไม่ว่าใครทำความดีเป็นบุญกุศลอย่างนี้ ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันหมดไม่ว่า เจ๊ก จีน แขก ไทย ฝรั่งมังค่า ได้รับผลานิสงส์เหมือนกันหมด
✅ถ้าใครมีฌานโดยการเจริญสมถภาวนาอย่างเดียว แต่ไม่ได้กระทำวิปัสสนาให้มาก ตายไป จิตยังไม่เสื่อมจากฌานชั้นไหน ก็ไปเกิดเป็นรูปพรหมอยู่ชั้นนั้น แต่ว่าถ้าเป็นพระอริยเจ้าระดับพระอนาคามีบุคคลตั้งแต่ยังเป็นมนุษย์ ก่อนตายยังไม่เสื่อมจากปัญจมฌานคือฌานที่ 5 ตายแล้วไปเกิดแห่งเดียว ในโลกที่เป็นพรหมชั้นสูงสุด 5 ชั้น ชื่อว่า รูปพรหมชั้น “สุทธาวาส” และก็ปรินิพพานในชั้นนั้น คือตายแล้วก็เข้านิพพานเลย
✅ใครเจริญอรูปฌาน ก่อนตายไม่เสื่อมจากอรูปฌานชั้นไหนก็ไปเกิดเป็น อรูปพรหม ในอรูปโลก เหมือนกันหมดไม่ว่าแขก ไม่ว่าไทย จีน ฝรั่ง
✅เพราะฉะนั้นให้เข้าใจไว้ว่า โลกเป็นที่สถิตอยู่ของผู้ที่ภูมิจิตโดยเฉลี่ยระดับเดียวกัน แต่ว่าอาจจะแบ่งชั้นกันบ้างตามระดับภูมิจิตที่เป็นบุญเป็นกุศลหรือเป็นบาปอกุศลต่างๆ กันไปตามระดับภูมิจิต
ตอบปัญหาธรรม โดย พระเทพญาณมงคล
(หลวงป๋า เสริมชัย ชยมงฺคโล)
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

แชร์เลย

Comments

comments

Share: