ศิษย์พระมงคลฯ
🔴 ธาตุกายสิทธิ์ คือ ธาตุส่วนหยาบที่มีกายสิทธิ์ชั้นยอดอาศัยซ้อนภพอยู่ ณ ภายใน กายสิทธิ์แต่ละชนิดก็มีบารมี และอานุภาพแตกต่างกันออกไป
กายสิทธิ์ เป็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม อยู่ซ้อน ณ ภายใน อันเป็นภพเป็น (ภพตายคือเหมือนโลกใบนี้ที่เราอยู่ ส่วนภพเป็นจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามกรรม หรือตามสายปฏิจสมุปบาทธรรม) กายสิทธิ์มีหลายประเภท มีทั้งฝ่ายบุญกุศล ฝ่ายบาปอกุศล และไม่บุญไม่บาป
โดยส่วนใหญ่กายสิทธิ์ภาคกุศลนั้นจะอยู่ในเรือนกายหยาบที่เป็นวรรณะออกสว่าง มีประกาย ใส ขาว เป็นหลัก ส่วนฝ่ายอกุศลก็จะอยู่ในธาตุที่วรรณะดำ กายสิทธิ์ฝ่ายกลางวรรณะจะออกขุ่นมัวไม่ขาวไม่ดำ
กายสิทธิ์มีพลังในตัวเอง พัฒนาตนเองได้ ยิ่งได้อยู่ในกระแสบุญในพระพุทธศาสนา ได้ทำบุญกุศลต่อเนื่องก็จะยิ่งมีบุญบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ ทับทวีมากขึ้น
🔮เหล็กไหลนั้นคือธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง เหล็กไหลไม่ใช่แค่มีดีที่ทำให้มหาอุต อยู่ยงคงกระพัน ฟันแทงไม่เข้าเพียงอย่างเดียว หากใครคิดเห็นเพียงเช่นนั้น พระเดชพระคุณพระเทพญาณมงคลกล่าวว่า เป็นความเห็นที่คับแคบเกินไป อย่างในสมัยก่อนนั้น เค้าจะรับรู้ได้เพียงในเรื่องของคุณภาพของเหล็กไหล คือ ป้องกันอันตราย คงกระพัน เป็นต้น แต่ไม่รู้ที่มาของอานุภาพเหล่านี้ว่ามาจากไหน และไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ ณ ภายในนั้นคืออะไร
โดยแท้จริงธาตุกายสิทธิ์ต้องการบำเพ็ญบุญกุศล การที่เจ้าของอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา และอุทิศบุญกุศลให้กับกายสิทธิ์ ณ ภายในนั้น เป็นสิ่งที่กายสิทธิ์ต้องการ และเป็นกำลังให้แก่กายสิทธิ์นั้นๆ
✏การนำเอาธาตุกายสิทธิ์มาหล่อเป็นองค์พระหรือรูปเคารพของพระอริยะเจ้า จะทำให้กาย ณ ภายในของกายสิทธิ์ผ่องใส เพิ่มบุญบารมีในตัว เป็นกำลังทับทวี ให้มีฤทธิ์มีเดชมากขึ้น ยิ่งได้รับการสะสางธาตุธรรมให้สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยวิชชาธรรมกายด้วยแล้ว ก็จะทำให้กายสิทธิ์นั้นให้คุณแต่ฝ่ายเดียวแก่ผู้ครอบครอง
ในทางวิชชาแล้ว กายสิทธิ์เป็นเหมือนภาคผู้เลี้ยง ที่จะหล่อเลี้ยงให้กับผู้ครอบครองมีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง(กายสิทธิ์ฝ่ายบุญ) ยิ่งกายสิทธิ์นั้นมีบุญบารมีมาก ก็จะพัฒนาเป็นพระจักรพรรดิที่มีฤทธิ์มีเดช ยิ่งขึ้น แต่กระนั้นก็ควรเลือกธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นฝ่ายบุญกุศล ซึ่งหากเทียบกันเฉพาะคนแล้ว เช่น นาย ก. มีธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นฝ่ายบุญกุศล เทียบกับการที่นายก. ไม่มีธาตุกายสิทธิ์เลย ก็จะเห็นความแตกต่างได้ง่าย แต่ไม่ใช่การไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น เพราะกายสิทธิ์นั้นมีอยู่ในทุกแห่ง รวมถึงในมนุษย์แต่ละคนด้วย
🔶จึงจะเห็นได้ว่า บางคนแม้ไม่มีธาตุกายสิทธิ์ครอบครองแต่ก็ยังได้รับผลเป็นสุขสมบัติในปัจจุบัน ก็เพราะด้วยอำนาจแห่งบุญที่เคยกระทำไว้ ทำให้ภาคผู้เลี้ยงที่มาดูแลในกายภายในขณะนั้นเป็นจักรพรรดิชั้นสูง ซึ่งมีการเรียกจักรพรรดิแบบกว้างๆตามกำลังบุญในสายวิชชาจากน้อยไปหามาก คือตั้งแต่จุลจักรพรรดิ มหาจักรพรรดิ และบรมจักรพรรดิ เป็นต้น
จักรพรรดิเหล่านี้จะสลับมาดูแลตามอำนาจแห่งบุญกุศลของสัตว์โลกในแต่ละช่วงเวลา หากช่วงใดบรมจักรพรรดิให้ผล ชีวิตคนๆนั้น หรือครอบครัว หรือประเทศนั้นๆ ก็จักสุขสบายเจริญรุ่งเรืองขึ้น
เมื่อบุคคลใดกระทำกรรมใดไว้(ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว) จักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงก็จะเก็บเหตุที่คนๆนั้นได้กระทำไว้ ส่งต่อไปยังภาคผู้สอด ภาคผู้ส่ง ภาคผู้สั่ง ภาคผู้บังคับ ภาคผู้ปกครอง ไปจนถึงต้นธาตุต้นธรรม เครื่องธาตุเครื่องธรรม ผู้ปกครองธาตุ และส่งกลับมาถึงภาคผู้เลี้ยงเร็วกว่าสิ่งใดๆ และปรุงเป็นวิบากส่งผลให้กับคนๆนั้น ตามเหตุและปัจจัยที่ได้กระทำไว้ (จักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงฝ่ายบุญก็จะเก็บเป็นบุญเป็นบารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมีส่งไปและรับและส่งกลับมาเป็นผลวิบากสุขสมบัติให้สัตว์โลกนั้นๆ ฝ่ายอกุศลก็ทำแบบเดียวกันแต่ส่งกลับมาเป็นทุกข์โทษภัยเวรมาให้สัตว์โลกที่ประกอบกรรมนั้น)
การมีธาตุกายสิทธิ์ที่มีอานุภาพและผู้มีไว้ครอบครองอยู่ในศีลธรรม เจริญภาวนาบ่อยๆ ก็จะเป็นเหตุหนุนนำให้ภาคผู้เลี้ยงทั้งในตนเองและในวัตถุธาตุกายสิทธิ์นั้นทำหน้าที่ได้เต็มที่เต็มกำลัง ส่งผลต่อผู้ครอบครองให้ได้รับสุขสมบัติอันยิ่งขึ้น
📌การครอบครองกายสิทธิ์จะต้องเลือกธาตุที่มีกายสิทธิ์ฝ่ายบุญอยู่อาศัย เพื่อจะไม่มีโทษแก่ผู้ครอบครอง หากแม้ว่านำธาตุฝ่ายอกุศลหรือฝ่ายดำมาครอบครอง แม้จะเสกมนต์วิชาอาคมลงไปในธาตุเหล่านั้น ก็อาจทำให้วัตถุธาตุนั้นๆดูมีพลังแรงขึ้นก็จริงอยู่ แต่ธาตุเดิม ณ ภายในนั้นไม่สะอาด เปรียบเสมือนการนำโจรมาเป็นผู้คุ้มครองตน หากวันใดทำไม่ถูกใจโจรเหล่านั้น ความทุกข์ยากก็จะมาเยือนแก่ผู้ครอบครองได้
📍ความสำคัญของธาตุโดยพื้นฐานในการรองรับพลังจากผู้อธิษฐานจิตและซ้อนวิชชา จึงมีความสำคัญอย่างมาก หากได้ธาตุธรรมที่ดี มีความบริสุทธิ์มาเป็นบาทฐานแล้ว และยิ่งได้ผ่านการซ้อนวิชชาธรรมกาย จากครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณวิชชา ยิ่งจะทำให้อานุภาพของวัตถุมงคลนั้นมีอานุภาพทับทวียิ่งขึ้น ทำให้ผู้ครอบครองมีความร่มเย็นเป็นสุข และนำมาใช้ช่วยในการเจริญภาวนาได้ดีขึ้น
วัตถุมงคลที่ทางคณะฯได้จัดสร้างขึ้นมานั้น ก็เพื่อเหตุผลเดียว คือ เพื่อขยายงานพระพุทธศาสนาให้เจริญขึ้น ให้ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าถึงพระภิกษุและสามเณร ตามมโนปณิธานของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ดังนั้นงานนี้ถือว่าเป็นงานที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้ปฏิบัติมาในอดีต แม้ว่าท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านยังคงตามดูแลรักษาวิชชาให้คงอยู่ การจัดสร้างพระชุดนี้จึงเป็นเสมือนการหางบประมาณมาทำงานในส่วนหยาบ ผมจึงมีความเชื่อมั่นว่า ท่านย่อมทำความศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พระที่จัดทำ ตามการอาราธนาที่ได้ขอบารมีท่านไว้ และการยืนยันของผู้ทรงคุณวิชชาชั้นสูง ก็ได้บอกกล่าวมาในทำนองเดียวกัน
รวมถึงวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่นำมาจัดสร้างก็เป็นวัตถุธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นฝ่ายบุญกุศล ผ่านการซ้อนวิชชาจากพระอาจารย์ในสายวิชชา และผ่านโรงงานทำวิชชา โดยแม่ชีผู้ทรงคุณธรรมชั้นสูง เพื่อให้ธาตุธรรมบริสุทธิ์สะอาดยิ่งขึ้น อันเป็นสุขสมบัติแก่ผู้ครอบครอง
***🙏และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้มาร่วมสร้างบุญอันเป็นบุญแห่งการเผยแผ่พระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นมหากุศลอย่างสูงสุด มีอานิสงส์นับประมาณมิได้ เป็นผังความสุขสมบัติอันเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานในอนาคตกาล สมดังบาลีที่ว่า สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ : การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง