เรื่องเล่าจากกาลครั้งหนึ่ง
พระอาจารย์ท่านหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า มีคราวหนึ่ง หลวงป๋าได้อ่านรายชื่อผู้ทำบุญที่วัดหลวงพ่อสดฯ และเมื่อท่านอ่านไปถึงรายชื่อของสามเณรรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นสามเณรในวัดหลวงพ่อสดฯ นั่นแหละ
สามเณร….. ทำบุญ ๑ บาท
หลวงป๋าได้นิ่งเงียบไปครูใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศที่บางท่านก็อมยิ้มเอ็นดู ในที่สุดหลวงป๋าก็ได้กล่าวต่อ ความหมายประมาณว่า สงสารเห็นใจพระเณรลูกหลานในวัด ซึ่งคนใกล้วัดหลวงพ่อสดต่างรู้กันดีว่า พระเณรวัดหลวงพ่อสดนั้นไม่ได้มีรายได้อะไรมากมายเหมือนกับที่อื่น แม้วัดวาจะดูใหญ่โต แต่ที่จริงการเงินนั้นติดลบมาเกือบตลอด ยิ่งสมัยหลวงป๋ายังอยู่นั้น รายได้ของพระแทบจะไม่มี หลวงป๋าจึงตั้งนิตยภัตให้พระเณรในวัดทุกเดือน ซึ่งก็ไม่กี่ร้อยบาทพอได้มีปัจจัยทำบุญ และส่วนใหญ่พอพระเณรได้รับนิตยภัต รุ่งอีกวันก็พากันเอาไปทำบุญ
๑ บาทที่สามเณรรูปนั้นได้ถวาย ทำให้หลวงป๋ารู้สึกสะเทือนใจ เห็นใจลูกหลานมาก ในวันนั้นท่านจึงประกาศให้ถวายเป็นกรณีพิเศษแก่พระเณรทุกรูปในวัด จำนวนเท่าไหร่จำไม่ได้ พระอาจารย์ที่ท่านเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าท่านเองก็ได้รับอานิสงส์ ๑ บาทของสามเณรนั้นด้วย กลายเป็นว่า ๑ บาทที่สามเณรทำบุญ ได้ส่งผลในวันนั้น ให้ทั้งสามเณรรูปนั้นเอง ตลอดถึงได้เป็นเหตุให้พระเณรในวัดทุกรูปได้ประโยชน์ไปด้วยในวันนั้น
…………………….
การให้ทานเมื่อทำด้วยศรัทธาที่ตั้งมั่นแล้ว ย่อมมีอานิสงส์ใหญ่ มีอานิสงส์มาก อย่าคิดว่าจำนวนทรัพย์เพียงเล็กน้อยจะเป็นบุญใหญ่ไม่ได้ และใครๆ อย่าได้ดูถูกทานแม้มีปริมาณน้อยเป็นอันขาด
ในวันนี้ที่ตั้งคำถามขึ้นมาให้ทายกัน เพราะเห็นจำนวนที่มีผู้โอนร่วมมาทำบุญ ๕ บาทก็มี ๒ บาทก็มี ๑ บาทก็มี ๐.๐๕ บาทก็มี และที่ต่ำสุดคือ ๐.๐๒ บาท ในความรู้สึกมีหลายๆ อารมณ์ปรากฏขึ้นมา อย่างแรกคือรู้สึกอิ่มใจที่แม้ (คาดว่า) เขามีน้อย เขาก็มีน้ำใจเป็นกุศลร่วมบุญมา ซึ่งไม่ว่าเขาจะมีทรัพย์น้อยหรือว่ามีศรัทธาน้อย ก็นับว่าเป็นบุญ ยิ่งถ้าเป็นผู้มีทรัพย์น้อยแต่มีศรัทธาใหญ่ การได้ขวนขวายร่วมบุญอย่างนี้นับว่าน่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง อีกอารมณ์นึงคือรู้สึกว่าในยุคนี้มีคนลำบากเป็นอันมาก โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดโรคระบาดขึ้นมา หลายคนถึงกับหันไปเลือกประพฤติทางมิจฉาชีพ เบียดเบียนผู้อื่นเพื่อให้ได้ทรัพย์มาเลี้ยงชีพตนและครอบครัว จนเป็นเหตุรุนแรงออกข่าวกันทุกเมื่อเชื่อวัน ในขณะที่อีกหลายคนก็ย่ำแย่เต็มทีเหมือนกัน หรืออาจยิ่งกว่า แต่ยังพยายามในบุญกุศลอย่างน่าประทับใจ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องบริจาคจำนวนน้อยๆ จึงจะได้บุญใหญ่ เพราะองค์ประกอบของการกระทำที่จะให้ได้บุญมากหรือน้อยนั้นมีอยู่หลายอย่าง โดยหลักๆ ก็คือความบริสุทธิ์ของทรัพย์ที่ได้มา ความศรัทธาในขณะที่บริจาค ตลอดทั้งคุณธรรมของผู้ที่รับการบริจาค ในกรณีนี้ก็จะเน้นในเรื่องของความศรัทธาเป็นสำคัญ ถ้าถึงอื่นเท่ากัน เช่นมีทรัพย์เท่ากัน ผู้รับมีคุณธรรมเท่ากัน เป็นต้น ใครมีศรัทธาเต็มเปี่ยมยิ่งกว่า บุคคลนั้นก็ย่อมได้บุญมากกว่า และถ้ามีศรัทธาเท่ากันอีก ใครบริจาคมากกว่า ผู้นั้นก็ต้องได้บุญมากกว่าเป็นธรรมดา และพื้นฐานของคุณงามความดีทั้งหลายก็คือการให้ ในโลกนี้ถ้าไม่มีการให้ทุกอย่างก็จะพังพินาศ นับตั้งแต่ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เป็นผู้ให้แก่ลูกๆ ไม่ให้นมไม่ให้อาหาร โลกนี้ก็จะว่างเปล่าจากมนุษย์ไปนานแล้ว
อยากให้ทุกๆ คนมั่นใจในกุศลคุณงามความดี อย่าได้กระทำเลยในสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจาหรือใจก็ตาม ความเจริญและสันติสุขจะเกิดมีได้ ล้วนแต่เกิดจากคุณงามความดีที่เริ่มตั้งแต่ในใจเราเอง และแผ่ขยายไปจนถึงผู้อื่นโดยทางพฤติกรรมต่างๆ ความร่มเย็นเป็นสุขไม่สามารถเกิดได้จากการประพฤติทุจริต ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจาหรือใจก็ตาม สิ่งไม่ดีแม้แต่เพียงเล็กน้อยอย่าได้ทำอีกเลย สิ่งที่ดีแม้เพียงเล็กน้อยก็ขอให้ขวนขวายทำให้เกิดขึ้นมีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักควบคุมจิตใจของเราเอง รู้จักปล่อย รู้จักวาง อย่าเที่ยวห่วงหาอาวรณ์ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว อย่าให้ใจพะวงจนเกินเหตุในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ประคองใจให้อยู่กับปัจจุบันของเรา ในทุกขณะที่ลมหายใจเข้าออกนี้แหละ เพราะถ้าพิจารณาให้ถี่ถ้วนดีแล้ว เราไม่ได้มีชีวิตในอดีต เราไม่ได้มีชีวิตในอนาคต เพราะอดีตก็ผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังไม่มา เรามีชีวิตแค่ปัจจุบันขณะเท่านั้น ขณะนี้แหละที่เป็นเรา และเราเลือกจะทำอะไรก็ได้ ดีหรือชั่วก็อยู่กับปัจจุบันขณะนี้เอง.
ที่มา เพจ อารยะ คชทีป