Surasit Jaisai1 ชม. ·
วันนี้หลังนั่งสมาธิบนหอเจริญวิปัสสนา มีพี่ผู้ชายท่านหนึ่งมาขอความเมตตาคุณยายแม่ชีในโรงงานทำวิชชา เพื่อถามปัญหาธรรมะดังต่อไปนี้
ปุจฉา : ผมนั่งสมาธิถึง ๑๘ กายมานาน แล้วจะสับกาย ซ้อยกายอย่างไรครับ
วิสัชนา : คุณถึง ๑๘ กายแล้ว ก็สุดเท่านี้*
ปุจฉา : แล้วถ้าผมจะทำต่อ ทำอย่างไร
วิสัชนา : คุณทำ ๑๘ กายให้ดี หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ว่างในว่าง แล้วดูใจของคุณเอง
ปุจฉา : ใจที่ เห็นจำนึกคิดเหรอครับ
วิสัชนา : เห็นจำคิดรู้ ดูใจของเราว่าเป็นอย่างไร ทำไปตามนี้ กายก็ชัดใสหนักขึ้น ละเอียดมากขึ้น
*******จบ********
*เรื่องการต่อวิชชา ผมได้ยินและทราบคำตอบแบบนี้จากคุณยายครูฉลวย สมบัติสุข อดีตหัวหน้าเวรโรงงานทำวิชชา เพราะสำหรับบุคคลทั่วไป การทำเท่านี้ก็มากเกินพอต่อการชำระอาสวะกิเลส เพราะการจะทำวิชชาขั้นสูงไปกว่านี้ เรียกว่า วิชชาในโรงงาน คุณต้องสั่งสมบารมีมามาก และแม้กระทั่งการเดินวิชชา ๑๘ กาย อนุโลม ปฏิโลม จนทุกกายใสแบบสุดๆ (ใสแทบไม่มีที่ติ) ซึ่งยากมากสำหรับบุคคลที่ไม่ได้มีความเพียรฝึกในตัวเองทำภาวนาในแต่ละวัน เปรียบการสร้างตึก ๑๐ ชั้น ฐาน เสาเข็ม ต้องประมาณนึง หากตึก ๕๐ ชั้น ๑๐๐ ชั้น ฐาน/เสาเข็ม ก็ต้องแข็งแรงมากกว่าตึก ๑๐ ชั้นมากๆ ฉันใดฉันนั้น
บางท่านกลัวไม่ได้ต่อวิชชาสูงๆ แต่ไม่กลัวความไม่แน่นของวิชชา เวลาไปขั้นสูงก็ส่าย ไหว ริบรัว เพราะใจของเราหยุดนิ่ง ไม่ร้อยเปอร์เซนต์
กล่าวมาถึงตรงนี้ อาจกระทบกับบางท่าน ขออภัยด้วยครับ ท่านใดจะเลือกเดินแนวทางหรือปฏิบัติอย่างไร เป็นสิทธิส่วนบุคคล หากท่านเห็นต่างจากตรงนี้ ผมขอให้ผ่านโพสต์นี้ไป อย่าได้มาถกเถียงกันเลย ไม่เกิดประโยชน์ครับ สำหรับโพสต์นี้ผมขอถ่ายทอดการเดินวิชชาตามความเข้าใจของผมเองที่ได้รับคำแนะนำจากครูบาอาจารย์มาเท่านี้ครับ