เรื่องพญานาคชื่อจัมเปยยะ
ครั้งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็นพญานาคราช
ชื่อจัมเปยยะ แม้พระโพธิสัตว์พญานาคจัมเปยยะนั้น
จะได้ถูกหมอ ทรมานเบียดเบียนอยู่ ด้วยประการต่าง ๆ
ก็มิได้แสดงอาการแม้เพียงนึกขัดเคืองในใจ
ข้อนี้สมด้วยความบาลีในคัมภีร์จริยาปิฎกว่า
“ แม้ในชาติเป็นจัมเปยยะนาคราชนั้น
เราก็ได้ประพฤติธรรมจำอุโบสถศีล
หมองูได้จับเอาเราไปเล่นกลอยู่ ที่ประตูพระราชวัง
เขาประสงค์จะให้เราแสดง เป็นสีอะไร
คือจะเป็นสีเขียว สีเหลือง สีขาวหรือสีแสดแก่เรา
ก็คล้อยให้เป็นไปตามใจประสงค์ของเขา
เรามีความตั้งใจอยู่ว่า“ ขอให้หมองูจงได้ลาภมาก ๆ เถิด” และด้วยอานุภาพของเรา
เราสามารถที่จะบันดาลที่ดอนให้กลายเป็นน้ำก็ได้
แม้บันดาลให้กลายเป็นที่ดอนก็ได้ ถ้าเราจะพึงโกรธเคืองเจ้าหมอนั้น เราก็สามารถที่จะทำให้เขากลายเป็นเถ้าถ่านชั่วครู่เท่านั้น
แต่ถ้าเราจักตกอยู่ใต้อำนาจอกุศลจิตนั้น
เราก็จักเสื่อมจากศีล เมื่อเสื่อมจากศีลแล้ว
ความปรารถนาขั้นสุดยอด คือความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าของเรา ก็จะไม่สําเร็จสมประสงค์”
#อุบายบรรเทาความโกรธประการที่ ๕
ด้วยพิจารณาถึงกรรม (๒๔๖] ก็แหละ
แม้โยคีบุคคล จะได้พยายามพร่ำสอนตนเองด้วยประการดังกล่าวมาแล้วก็ตาม
แต่ความโกรธแค้นก็ยังไม่สงบลง แต่นั้นโยคีบุคคลจงใช้วิธีพิจารณาถึงภาวะที่ตนและคนอื่น
เป็นผู้มีกรรมเป็นของแห่งตน ต่อไปในการพิจารณาถึงกรรมนั้น จงพิจารณาถึงภาวะที่ตนเองเป็นผู้มีกรรมเป็นของแห่งตน เป็นอันดับแรกดังต่อไปนี้
“ นี่แน่ะพ่อมหาจำเริญ!
เจ้าโกรธคนอื่นเขาแล้วจักได้ประโยชน์อะไร?
กรรมอันมีความโกรธเป็นเหตุของเจ้านี้
มันจักบันดาลให้เป็นไปเพื่อความฉิบหาย แก่เจ้าเองมิใช่หรือ?
ด้วยว่าเจ้าเป็นผู้มีกรรม เป็นของแห่งตน
มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นกำเนิด
มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง
เจ้าได้ทํากรรมสิ่งใดไว้ เจ้าจักต้องได้รับผลของกรรมนั้น
อนึ่ง กรรมของเจ้านี้ มันไม่สามารถที่จะบันดาลให้สำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณ ปัจเจกโพธิญาณ
และสาวกภูมิได้ มันไม่สามารถที่จะบันดาลให้สําเร็จสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาสมบัติต่าง ๆ
เช่นความเป็นพระพรหม พระอินทร์ พระเจ้าจักรพรรดิและพระเจ้าประเทศราชได้เลย
ตรงกันข้ามกรรมของเจ้านี้ มักจักขับไล่ไสส่งให้เจ้าออกจากพระศาสนา แล้วบันดาลให้ประสบผลอันประหลาดต่าง ๆ เช่นทำให้บังเกิดเป็นคนขอทาน
กินเดนของคนอื่น หรือประสบทุกข์อย่างใหญ่หลวงเช่นทําให้บังเกิดในนรกเป็นต้น อย่างแน่นอน
หนังสือวิสุทธิมรรค