หลวงพ่อ วีระ

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อ (วีระ) พูดถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ท่านว่าให้ระวัง เราจะได้รับผลกระทบบ้างเท่านั้น ไม่หนักหนาเหมือนคนอื่นเขาหรอก เราพออยู่ได้ มีบาดเจ็บบ้างล่ะ ถ้ามันเป็นกรรมก็หนีไม่รอด

ประเทศเรานี้ล่ะ จะเป็นแหล่งอาหารเลี้ยงโลกนี้ทั้งใบ เขาจะได้รู้จักสุวรรณภูมิ แผ่นดินที่มีค่าเหมือนกับปูด้วยทองคำ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ที่มีพระมหากษัตริย์ มีพระพุทธศาสนา และเขาจะต้องคอยรักษาเรากันทั้งโลก ไม่อย่างนั้นจะอดตายกันทั้งโลกล่ะ หลวงพ่อ (วีระ) พูดให้ฟังเมื่อช่วงปีพุทธศักราช 2530

ที่มา :

พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)

ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายโดยตรงครบทั้งหลักปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จากพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ

ท่านเป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระของวัดปากน้ำ และเป็นครูสอนวิชชาธรรมกายให้แก่พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล) ปฐมเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี

http://dhammakaya.tv/ครั้งหนึ่ง-หลวงพ่อพูดถึ/

****************

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านเคยกล่าวถึงหลวงพ่อวีระไว้ในพระธรรมเทศนาเรื่อง “รัตนะ” อันเป็นเป็นกัณฑ์เทศน์ที่พูดเกี่ยวกับพระเดชพระคุณพระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) ซึ่งเป็นพระภิกษุลูกครึ่งญี่ปุ่นบวชใหม่ในวันนั้น (23 พฤษภาคม 2497) มีใจความโดยย่อว่าดังนี้…

เวลานี้มีธรรมกายในตัวนะ มีพวกญาติของพระบวชใหม่ และพระบวชใหม่นี้เป็นคนรู้แล้วเรียนแล้ว สอนได้ขนาดนี้ มีฤทธิ์มีเดชอย่างนี้ องค์นี้แหละ เขา (พระพุทธเจ้าต้นธาตุหรือพระพุทธเจ้าองค์ต้นๆ) สั่งลงมาให้เป็นครูพวกญี่ปุ่น จะสั่งสอนญี่ปุ่นให้ได้มากทั่วทั้งประเทศนั่นแน่ะ

องค์นี้แหละ ญี่ปุ่นจะต้องเคารพยำเกรงหมดทีเดียว สอนศักดิ์สิทธิ์สอนเก่ง สอนพวกเร็ว คล่องแคล้วเข้าใจสอน พอเป็นธรรมะเท่านั้นก็เข้าใจแจก เพราะเป็นตัวประกาศ เขาส่งเขาสั่งให้มาเป็นมนุษย์ มาประกาศพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มาทำเรื่องอื่น มาประกาศพระพุทธศาสนา ญี่ปุ่นชอบเข้าแล้ว ญี่ปุ่นรู้เรื่องธรรมกายเรื่องพระพุทธเจ้าเข้าแล้ว

สังเกตดูพระบวชใหม่แกไม่กระทบกระเทือนแก่ใครๆ แกหลีกของแกตามเรื่องของแกทีเดียว เพราะเหตุอะไร แกเป็นผู้ใหญ่เข้าแล้ว มีธรรมของผู้ใหญ่เข้าแล้ว มีกระแสพระพุทธเจ้าเข้าแล้ว เป็นพระพุทธเจ้าเข้าแล้ว มีได้ยากอย่างนี้ ของได้ยาก ไม่ใช่ได้ง่าย คนที่รู้จักบุญเห็นบุญเช่นนี้ บุญก็ไหลมาเหลือประมาณนับประมาณไม่ได้ เจ้าของเขาก็เห็นเป็นดวงใหญ่โตมโหฬารนับประมาณไม่ได้ บุญที่ส่งมาคราวนี้แหละจะได้เป็นกำลังของพระบวชใหม่ ให้ประกาศศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ให้ญี่ปุ่นเขาเคารพนบนอบหมดทั้งประเทศ มันสำคัญอย่างนี้ ส่งบุญมาวันนี้ ต้นธาตุส่งบุญมาให้มโหฬารทีเดียว นับประมาณไม่ไหว

ในธาตุในธรรมน่ะร่ำลือกันนักว่าเขามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ได้บุญยิ่งใหญ่ไพศาล ที่จะไปทรมานพวกประเทศญี่ปุ่น ไปพลิกประเทศญี่ปุ่นให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ให้เป็นพุทธศาสนิกชนทั่วไปน่ะ ต้นธาตุท่านหลั่งสมบัติมาให้แล้ว ผู้นี้เป็นตัวประกาศศาสนา ไม่ช้าหรอกจะได้รู้เรื่องกัน ในประเทศญี่ปุ่นกับไทย ผู้ที่จะเป็นที่พึ่งของเขาได้มาเกิดปรากฏขึ้นแล้ว เป็นภิกษุบวชใหม่นี่แล้ว ต่อไปไม่ช้าก็จะได้ไปสั่งสอนเป็นลำดับไป

– คลิป Youtube วัดปากน้ำเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น

– คลิป Youtube คนญี่ปุ่นมาเที่ยววัดปากน้ำ

– คลิป Youtube วัดปากน้ำญี่ปุ่นที่หลวงพ่อวีระกับสมเด็จช่วงท่านได้สร้างเอาไว้

– กระทู้ Pantip ชาวญี่ปุ่นมาไทยแล้วต้องมาวัดนี้ >>> วัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) กรุงเทพมหานคร

https://pantip.com/topic/37532185?

****************

เมื่อภิกษุญี่ปุ่นบรรลุธรรม

ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม) ครั้งยังเป็นพระวีระ ท่านได้เขียนเล่าเรื่องเมื่อภิกษุญี่ปุ่นบรรลุธรรมไว้ว่า…

เมื่อคณะสมณทูตญี่ปุ่นซึ่งมาเยี่ยมสำนักวัดปากน้ำ หลังจากได้เดินทางกลับจากประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์ ณ ประเทศอินเดียกับดูการสังคายนา ณ ประเทศพม่า สมณฑูตคณะนี้มีท่านสังฆราชตาคาชินาเป็นประธาน

หลังจากการเยี่ยมคำนับท่านเจ้าคุณพ่อเมื่อ 16 มิถุนายน 2497 เวลา 18.00 น. ข้าพเจ้าได้รับการเชื้อเชิญจากภิกษุญี่ปุ่นรูปหนึ่งซึ่งเป็นผู้สนใจในวิชาสมถวิปัสสนาตามแบบของสำนักเรานี้ ขอให้ไปพบกับท่าน เพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันที่โรงแรมชิโตเซะ ถนนนเรศ

ข้าพเจ้าได้รับเชิญให้เข้าพบท่านสังฆราชกับคณะ เรื่องโดยมากที่สนทนากันมีสารสำคัญเกี่ยวกับวิชาเจริญสมถวิปัสสนา ในระหว่างการสนทนานั้น ท่านเลขานุการของพระสังฆราชเป็นผู้มีความสนใจเป็นพิเศษถึงกับหาสมุดมาจดบันทึกข้อความ ท่านผู้นี้ได้ถามถึงจุดที่ตั้งของจิตขณะเจริญสมาธิตามแบบของวัดปากน้ำ

เป็นที่สนใจแก่สังฆราชญี่ปุ่น ถึงกับกล่าวว่าวิธีของวัดปากน้ำนี้ดีมาก และจะได้ใช้แบบของวัดเรานี้ในกาลต่อไป กับได้ชี้แจงให้คณะของเราทราบว่า วิธีของนิกายโซโตนั้น ได้กำหนดที่ตั้งของจิตที่บริเวณหน้าผากหรือดั้งจมูก ซึ่งต่างกว่าแบบของวัดเรา

ต่อจากนั้นคณะสมณทูตได้ขอให้ข้าพเจ้าอธิบายถึงวิธีดำเนินการปฏิบัติการเจริญสมถวิปัสสนา ซึ่งข้าพเจ้าได้ชี้แจงให้พอเป็นสังเขป ตามแบบของท่านเจ้าคุณพ่อ

ในระหว่างการสนทนาโต้ตอบ ท่านเลขานุการของพระสังฆราชได้แสดงความจำนงใคร่จะทราบว่า บิดาของท่านซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว บัดนี้อยู่ ณ ที่ใด ดังนั้นข้าพเจ้าจึงชักชวนให้คณะสมณทูตทั้งหมดทดลองทำการเจริญสมถวิปัสสนาตามแบบของวัดเราดูบ้าง

คณะสมณทูตมีความยินดีจะปฏิบัติตามคำเชื้อเชิญ จึงพากันเข้าไปสู่ห้องสงัดห้องหนึ่ง แล้วเริ่มเจริญสมถวิปัสสนาธรรมกันทันที

ข้าพเจ้าได้กำหนดให้เขาปฏิบัติโดยนั่งขัดสมาธิแล้วหลับตาเจริญสมถวิปัสสนาธรรม กับได้ชี้แจงวิธีการแก่คณะสมณทูตโดยลำดับไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเลขานุการพระสังฆราช ซึ่งต้องการทราบว่าบิดาของท่านล่วงลับไปแล้วอยู่ ณ ที่ใดนั้น ข้าพเจ้าได้แจ้งวิธีสอบสวนหาที่อยู่ของท่านให้ทราบโดยละเอียดเป็นพิเศษ

การนั่งภาวนาเจริญสมถวิปัสสนาธรรมได้ดำเนินไปจนถึงขั้นสุดท้าย ท่านเลขานุการพระสังฆราชกลับลืมตาขึ้น เบ้าตาทั้งสองของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา พร้อมกับได้พึมพำด้วยความตื้นตันใจว่า

“ตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมาจนถึงบัดนี้ ไม่เคยได้พบความสุขใดยิ่งไปกว่าที่ได้เข้าถึงพระนิพพานท่ามกลางพุทธสาวก ดังที่ได้ประสบมาเมื่อสักครู่นี้เลย”

ที่มา :

หนังสือธรรมสู่สันติ รายการวิทยุครั้งที่ 1-10 จัดพิมพ์โดยคณะกรรมการบริหารโครงการธรรมปฏิบัติเพื่อประชาชน วัดปากน้ำภาษีเจริญ พุทธศักราช 2521

****************

พระพุทธเจ้าต้นธาตุกับกลางธาตุ

พระพุทธเจ้าต้นธาตุและพระพุทธเจ้ากลางธาตุเมื่อถอยพืชกำเนิดธาตุธรรมเดิมลงมาเพื่อที่จะช่วยเหลือสัตว์โลกนั้น ก็จะต้องมาเกิดมาอยู่ร่วมกับสัตว์โลก จึงต้องถูกภาคมารเขาสอดละเอียดอวิชชาของเขา เอิบ อาบ ซึม ซาบ ปน เป็น เข้ามาปรุงแต่งธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ให้เกิดใหม่เป็นสัตว์โลกตามสายปฏิจจสมุปบาทธรรม ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการบำเพ็ญบารมีกันอีก

ระดับพระพุทธเจ้าต้นธาตุกายมนุษย์นั้นมีองค์เดียวที่ถอยพืชลงมา คือ หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ

แต่พระพุทธเจ้ากลางธาตุถอยพืชลงมากันหลายองค์ โดยระดับผู้ปกครองธาตุธรรมก็ถอยพืชลงมาเช่นกัน

พระพุทธเจ้ากลางธาตุบางองค์ยังเป็นกลางธาตุกายมนุษย์ (คือยังมีชีวิตเป็นมนุษย์) ซึ่งกำลังสร้างบารมี (กำลังสั่งสมประสบการณ์) และกลางธาตุบางองค์ก็ล่วงลับไปแล้ว

พระพุทธเจ้าต้นธาตุเป็นผู้ปกครองรวมใหญ่ทั้งหมด โดยปกครองทั้งจักรวาลถึงพระนิพพานที่สุดละเอียด ซึ่งหลวงพ่อสดท่านเป็นต้นธาตุองค์หนึ่งในจำนวนต้นธาตุหลายองค์ที่ถอยพืชลงมาจากระดับนี้ แล้วที่ละเอียดกว่านั้นก็เรียกว่า พระพุทธเจ้าต้นในต้น ทว่าท่านเหล่านั้นไม่ได้ถอยพืชลงมาเกิดเป็นมนุษย์

พระพุทธเจ้าต้นธาตุและพระพุทธเจ้ากลางธาตุในอายตนะนิพพานเป็นนั้น มีพุทธลักษณะเหมือนพระภิกษุกายเนื้อหรือพระภิกษุหนุ่มๆ (เทียบอายุประมาณหนุ่มวัย 20 ปี) มีขนาดใหญ่เต็มธาตุเต็มธรรมและครองจีวรแบบลดไหล่ธรรมดา ไม่มีผ้ารัดอกแบบห่มดอง ลูกบวบม้วนขวาเข้าใน มีพระพักตร์ใบหน้าที่แตกต่างกัน (ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกัน) มีพระเกศา (มีผม) แต่ไม่มีเกตุดอกบัวตูม และมีกายที่องอาจสง่างามสมบูรณ์

กอปรกับมีรัศมีใสสว่างยิ่งไปกว่าพระพุทธเจ้าในนิพพานถอดกาย เพราะท่านเหล่านี้ได้บำเพ็ญบารมีมาแก่กล้าเสียยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าในอายตนะนิพพานถอดกายมากมายนัก

ซึ่งเรื่องการถอยพืชลงมาเกิดนี้ ไม่ปรากฏในนิกายเถรวาท แต่จะไปปรากฏอยู่ในคำสอนของนิกายวัชรยานแบบทิเบตแทน โดยถ้าว่ากันตามคติวัชรยานนั้น พระโพธิสัตว์จะบรรลุธรรมไปตามลำดับขั้น โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 10 ขั้น หรือที่เรียกว่า “ทศภูมิ” โดยในภูมิสูงสุด พระโพธิสัตว์จะมี “สิทธิ” หรือ “พลังอำนาจพิเศษ” ซึ่ง “สิทธิอำนาจ” ที่สำคัญสูงสุด คือ สามารถที่จะเลือกสภาวการณ์ในการกลับมาเกิดใหม่ เพื่อว่าการเกิดครั้งนั้น จะเอื้อประโยชน์ในการนำพาผู้อื่นไปสู่การบรรลุธรรม

ตรงนี้เองที่ศัพท์ทางวิชชาธรรมกายเรียกว่า การถอยพืชกำเนิดธาตุธรรมเดิม ส่วนสิทธิหรือพลังอำนาจพิเศษนั้น ศัพท์ในวิชชาธรรมกายเรียกว่า บุญศักดิ์สิทธิ์ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ สิทธิเฉียบขาด

ความเชื่อในเรื่องพระโพธิสัตว์ ผู้ตั้งสัตยาธิษฐานในการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อกลับมาช่วยเหลือสรรพสัตว์นี้ ได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของคำสอนในพระพุทธศาสนาสายทิเบตปัจจุบัน

และอีกสิ่งหนึ่งที่สายปฏิบัติสัมมาอะระหังไปพบในญาณทัศนะแล้วบังเอิญตรงกันกับคำสอนในพุทธทิเบต คือ ผู้สร้างโลก

กล่าวคือ ผู้รู้ในสายธรรมกายแต่โบราณเกือบร้อยปีได้ค้นพบในญาณทัศนะว่าผู้ที่สร้างโลกขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ได้อยู่อาศัยและสร้างบารมีสั่งสมนั้น คือ ภาคผู้เลี้ยงหรือพระจักรพรรดิ (พระทรงเครื่อง) โดยจะไปตรงกันกับพระอาทิพุทธเจ้าหรือพระวัชรธารพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าทรงเครื่อง) พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในโลกตามคติพุทธศาสนาแบบทิเบต

พระพุทธเจ้าจักรพรรดิ ผู้เป็นใหญ่ในสมบัติทั้งหลายทั้งปวง มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องเยี่ยงกษัตริย์ พระจักรพรรดิจะซ้อนอยู่ในกลางพระพุทธเจ้าที่เป็นพระนิพพานธาตุที่ละเอียดๆ ถึงพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม (Primordial Buddhas) เมื่อวิชาละเอียดลุ่มลึกไปถึงระดับพระนิพพานธาตุแล้ว เดินวิชาต่อไปจะพบพระจักรพรรดิซ้อนสลับกับพระธรรมกายนิพพานธาตุ สลับกันอย่างนี้ และพระจักรพรรดินี้เป็นผู้เลี้ยงผู้รักษาหล่อเลี้ยงกายนั้นๆ คู่กันไปกับกายทุกกายสุดกายหยาบกายละเอียด มีบริวาร คือ กายสิทธิ์และรัตนะเจ็ดอันทรงมหิทธานุภาพ

พระจักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงมีด้วยกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ ภาคขาว (กุสลาธัมมา) ภาคกลาง (อัพยากตธัมมา) และภาคดำ (อกุสลาธัมมา)

ซึ่งศาสนาอันแท้จริงหนึ่งเดียวของพระจักรพรรดิภาคขาวผู้สร้างโลก คือ พระพุทธศาสนา

และนอกจากภาคผู้เลี้ยงแล้วก็ยังมีภาคผู้สอด ภาคผู้ส่ง ภาคผู้สั่ง ภาคผู้บังคับ ภาคผู้ปกครอง ภาคผู้ปกครองประจำภพ ภพสาม โลกันตร์ ภาคผู้ปกครองพระนิพพานกายธรรม ภาคผู้ปกครองย่อย รวมย่อย ภาคผู้ปกครองใหญ่ รวมใหญ่ และต้นธาตุต้นธรรมถึงต้นในต้น แล้วต้นในต้นสุดในสุด แก่ในแก่ ละเอียดในละเอียด จนสุดละเอียดในสุดละเอียด

นี่มิใช่เรื่องใหม่ แต่มีอยู่ในคำสอนหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ผู้ที่เจริญวิชชาธรรมกายถึงขั้นมรรคผลนิพพาน ย่อมสัมผัสรู้เห็นและเป็นได้ปกติ

• เกร็ดความรู้ •

พระทิเบตบรรลุธรรมกาย

พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล) ท่านกล่าวว่า พระทิเบตเขาสามารถเข้าถึงธรรมกายได้ โดยเขาทำวิชาไปจนถึงเหตุสุด แต่ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ทำได้และทำกันมาเนิ่นนาน กล่าวคือ เขาทำสืบทอดกันมานานแล้วตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แต่ไม่ได้เป็นหลักวิชาที่บริบูรณ์เหมือนอย่างหลวงพ่อสด

หลวงป๋าเสริมชัยจึงไปสอนและแก้วิชาให้เขา เขาปีติมากจนน้ำตาซึม ที่วิชาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและเห็นได้อย่างถูกต้องบริสุทธิ์สมบูรณ์

ดังนั้น พระทิเบตเองท่านก็เข้าถึงธรรมกายเป็นเหมือนกัน แล้วยิ่งได้หลวงป๋าเสริมชัยไปชี้ทาง เขาก็ยิ่งก้าวหน้าในธรรมมากยิ่งขึ้น

****************

หลวงพ่อวีระ (คณุตฺตโม) เป็นศูนย์รวมหรือคลังแห่งวิชชาธรรมกาย ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำโดยตรง และยังเป็นที่รวมวิชชาธรรมกายชั้นสูง ที่ศิษย์ในพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำที่เป็นพระเถระรุ่นพี่ได้จดทำบันทึกไว้ ก็ยังได้มารวมตกแก่หลวงพ่อวีระองค์นี้อีกด้วย

จึงเห็นว่า วิชชาธรรมกายทุกระดับทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และวิชชาธรรมกายชั้นสูง ควรจะต้องมีการรวบรวมขึ้นเป็นหลักฐานอ้างอิงที่สำคัญต่อไป เพื่อประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังจะได้ศึกษาและปฏิบัติต่อไปอย่างถูกทางและสมบูรณ์ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ (สด) ได้ถ่ายทอดไว้

วิชชาธรรมกายทุกระดับทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง และวิชชาธรรมกายชั้นสูง ได้จัดพิมพ์เป็นเล่ม ชื่อหนังสือว่า “มรรคผลพิสดาร” เล่ม 1-2-3 จัดพิมพ์โดยมูลนิธิพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย ไม่มีวางจำหน่าย แต่ทางวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามจะพิจารณามอบให้โดยไม่คิดมูลค่าเฉพาะแก่ศิษย์ผู้ที่ปฏิบัติได้เข้าถึงแล้ว

ที่มา :

ข้อความบางส่วนจาก “ตอบปัญหาธรรม” ทำไมจึงก่อตั้งสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย

****************

โอวาทธรรมส่งท้ายโพส

พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)

วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

วิชชาธรรมกายเป็นวิชชาที่พระพุทธเจ้าท่านเห็นที่ใต้ต้นโพธิ์ เราเรียกว่าโคตรภู หรือธรรมกาย นั่นเป็นกายอีกกายหนึ่งที่จะนำเราเข้าสู่มรรคผลนิพพาน กายมนุษย์เราจะเข้ามรรคผลนิพพานไม่ได้

ในเวลาที่เราตายแล้วก็เอาไปเผา มีอีกกายหนึ่งที่เรานอนไปกลางคืนแล้วฝันเรียกว่ากายมนุษย์ละเอียด

กายมนุษย์ละเอียด (กายฝัน) นี่ เวลาเราตาย แล้วมันไปทำหน้าที่ปลุกนะ กายมนุษย์ละเอียดทำหน้าที่เกิด ถ้าเราจะไปเกิดบนสวรรค์เราต้องเอากายทิพย์ไป กายทิพย์ไปเกิดบนสวรรค์ได้ หรือจะไปนรกก็เอากายทิพย์ไป ถ้าเรามีฌาณเราก็ต้องเอากายรูปพรหมไป ถ้าเรามีอรูปฌาณเราก็ต้องเอากายอรูปพรหมไป ถ้าเราจะไปนิพพาน เราก็ต้องเอากายธรรมไป

แต่ถ้าเราเข้าถึงคุณธรรมของพระโสดาเราก็จะเห็นกายพระโสดา ถ้าเรามีคุณธรรมของพระสกิทาคามีเราก็เห็นกายพระสกิทาคามี ถ้าเราเข้าถึงคุณธรรมของพระอนาคามีเราก็เห็นกายพระอนาคามี ถ้ามีคุณธรรมของพระอรหันต์ก็เห็นกายพระอรหันต์ได้ มันถอดไปเป็นชั้นๆ ไป

ผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้ถึงธรรมกายเเล้ว ตราบใดที่ยังไม่สามารถละสังโยชน์ (กิเลสเครื่องร้อยรัดให้ติดอยู่กับโลก) เบื้องต่ำอย่างน้อย 3 ประการ (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ได้โดยเด็ดขาด ตราบนั้นก็ยังมิได้บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอริยบุคคล จึงยังมิใช่ผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้ (บรรลุ) ถึงที่สุดเเล้ว

พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้สอนภาวนาตามเเนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า ได้กล่าวถึงผู้ปฏิบัติธรรมที่ได้ถึงธรรมกายเเต่ยังไม่สามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำอย่างน้อย 3 ประการได้ดังกล่าวเเล้วว่า ยังจัดเป็นเเต่เพียงโคตรภูบุคคล

ซึ่งท่านอุปมาเสมือนหนึ่งว่า ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นได้ก้าวขาข้างหนึ่ง ขึ้นไปอยู่บนพระนิพพาน ส่วนขาอีกข้างหนึ่ง ยังยืนอยู่ในภพสาม

กล่าวคือ หากผู้ปฏิบัติธรรมที่ถึงธรรมกายเเล้วนั้น ก้าวหน้าต่อไป คือ ปฏิบัติภาวนาต่อไปอีกจนสามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำอย่างน้อย 3 ประการนั้นได้โดยเด็ดขาด ก็ได้บรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอริยบุคคล ตามภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้

เเต่หากว่าผู้ที่เคยปฏิบัติได้ถึงธรรมกายเเล้ว ได้ประพฤติปฏิบัติตนในลักษณะของการก้าวถอยหลังกลับคืนมาสู่โลก (ภพสาม) ด้วยอำนาจของกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน เป็นเหตุนำ เหตุหนุน จนธรรมสัญญาขาดจากใจ เเละธรรมกายดับลงเมื่อใด บุคคลผู้นั้นก็กลับเป็นปุถุชนธรรมดาที่หนาไปด้วยกิเลส เเละมีสิทธิ์ถึงทุคติได้เมื่อนั้น

แชร์เลย

Comments

comments

Share: