ใช้กายมนุษย์พิเศษ (ต่อ)

จากเรื่องนี้ http://dhammakaya.tv/ใช้กายมนุษย์พิเศษ-ทำวิช/ พี่เก้า ปรีชา ได้ให้ความรู้ครับ

นิตยสารธรรมกาย เป็นสื่อของวัดในยุคแรก ๆ ก่อนที่จะออกอากาศทางวิทยุ แล้วค่อยพัฒนามาเป็นทีวี … เพราะช่วงนั้น การสือสารยังเป็นแบบนิตยสาร และหนังสือพิมพ์เป็นหลัก ส่วนวิทยุเป็นรอง แต่มีข้อจำกัดคือ วิทยุกระจายเสียง ถ้าเป็น FM สัญญาณจะชัด แต่มีแค่ในกรุงเทพฯ … ส่วน AM ไปได้ไกล เลยมักจะเป็นสถานีต่างจังหวัด

สมัยนั้น คนส่วนใหญ่ในวัด จะได้รับรู้ข่าวสาร และการเผยแพร่ผ่านทางนิตยสารเป็นหลัก ซึ่งประมาณปี 2545 มั้ง ไม่มีงบ เพราะต้องเอาเงินไปใช้จ่ายในวัด

ส่วนนิตยสาร เล่มที่ 45 ไม่รู้ว่าพิมพ์ในปีอะไร พี่เคยเก็บนิตยสารไว้เหมือนกัน แต่ไม่เคยเปิดอ่าน เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย เปิดหนังสือได้นิดเดียว ก็ง่วง บางทีก็หลับคาหนังสือ

กายมนุษย์พิเศษ ที่หลวงป๋าบอกว่า มีลักษณะเป็นองค์พระที่ใสบริสุทธิ์ หมายถึง พระพุทธเจ้ากายเนื้อในนิพพานเป็น

จากที่ได้อ่าน มีความคิดเห็น 2 อย่าง คือ

  1. หลวงป๋า บอกว่า คนที่ได้วิชชาธรรมกายชั้นสูง น่าจะมีกายมนุษย์พิเศษทุกคน เพราะสอนทุกคนให้ใช้ระเบิด ทุกคนก็ทำได้ คือ ระเบิดแล้วไม่แตก (ฝ่ายดำ จะแตก แต่ถ้าเป็นฝ่ายขาว จะไม่เป็นอะไร)
  2. ที่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่บวชรอบ 2 มีพระมาทดสอบ แล้วพี่ทำได้ ท่านก็เลยอนุโมทนา แล้วบอกว่า คนทำวิชชาธรรมกายชั้นสูงไม่ได้มีทุกคน … อันนี้เลยมีความคิดเห็น ออกเป็น 2 ทาง คือ

2.1 มีแค่บางคนที่มีกายมนุษย์พิเศษ

2.2 หรือว่า มีทุกคน ที่ได้วิชชาธรรมกายชั้นสูง แต่ญาณทัศนะไม่ดี เลยไม่เห็น และไม่เป็น … เนื่องจากวิชชาธรรมกายชั้นสูงนั้น ต้องได้รู้, ได้เห็น, และได้เป็น จึงจะชัดเจน และถูกต้องแม่นยำในการทำวิชชา

แต่เรื่องนี้ไม่แน่ใจว่า จะเป็นเฉพาะคนที่พี่ได้สอนไปมั้ย เพราะอธิษฐานไว้ว่า ขอเฉพาะคนที่มีวิชชาพิเศษมาให้สอนเท่านั้น ส่วนคนทั่วไป ให้คนอื่นไปแนะนำ เนื่องจากมีคนมากมายที่มาปรึกษา แล้วหลายคนยังอีกห่างไกล สอนไปก็ลืม แล้วทำไม่ได้ เลยอธิษฐานอย่างนั้น เพราะเอาเวลาไปสอนคนที่เก่ง ๆ มาจากอดีตแล้ว จะได้ผลดี และเป็นกำลังให้พุทธศาสนาได้มาก ส่วนคนที่ยังทำไม่ได้ ก็ให้ไปหาคนอื่น … จากนั้นหลวงพ่อจะส่งเฉพาะคนที่มีอะไรพิเศษมาให้สอนเท่านั้น

ส่วนการที่สอนแล้วทุกคนทำได้ เลยไม่รู้ว่า เป็นเพราะมีเหมือนกันมั้ย อันนี้ก็ไม่รู้ เพราะตั้งแต่คุยกับใครเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แปลว่า คนนั้น จะมีความสามารถพิเศษเรื่องนั้นเสมอ

สมัยก่อน เคยแนะนำคนใน Facebook ในคอมเม้นท์ของหลวงพี่อู๋ (สมัยที่ท่านยังเป็นฆราวาส)

ตอนนั้นแนะนำไปว่า “เวลาไปวัดที่ไหน หรือบ้านใครครั้งแรก ถ้ารู้สึกเย็นสบาย วัด หรือบ้านเหล่านั้น มักจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นฝ่ายพระ เช่น พระบรมสารีริกธาตุ หรือเทวดาสัมมาทิฏฐิ เพราะคนหรือวัดเหล่านั้น มักจะนั่งสมาธิ แล้วเกิดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาครอบครอง

ส่วนบ้าน หรือวัดไหน ที่ก้าวเข้าไปแล้ว รู้สึกร้อน อึดอัด ไม่สบายเท่าไหร่ แปลว่า เป็นที่อโคจร เนื่องจากมีการบูชาไสยศาสตร์ เช่น รับขรรค์, กุมารทอง, หัวฤษี ฯลฯ”

พอคอมเม้นท์ไป หลวงพี่อู๋ก็ออกมาแย้ง ว่าการที่จะทำแบบนี้ได้ มันไม่ได้มีทุกคนนะ จะแนะนำแบบนี้ไม่ได้

เราก็ไม่รู้ นึกว่าทุกคนมีเหมือนกัน เพราะพี่มีแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แล้วพอเดินเข้าไปพิสูจน์ ก็เห็นวัด หรือบ้านนั้น มีการบูชาไสยศาสตร์จริง ๆ

ส่วนวัดที่เดินเข้าเขตวัด (ผ่านซุ้มประตูวัด) แล้วรู้สึกเย็นสบาย พอไปสืบถาม ก็มักจะเป็นวัดที่มีการสอนนั่งสมาธิ หรือบางวัดไม่ได้สอน แต่เจ้าอาวาสท่านนั่งสมาธิจนมีผลดี .. ยกตัวอย่าง เช่น วัดเบญจมบพิตร สมัยก่อนไม่เคยใส่บาตร ไม่เคยเข้าวัดทำบุญ แต่พานักท่องเที่ยวไปขม พอเดินเข้าเขตวัด ก็รู้สึกเย็นสบาย ทั้ง ๆ ที่แดดจัด ไม่มีต้นไม้ แต่เย็นช่ำ จนรู้สึกแปลก แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร … จนมาบวชรอบแรก ได้ยินว่าเจ้าอาวาสท่านมาอบรมธรรมปฏิบัติที่วัดหลวงป๋า แล้วได้ผลดี

แชร์เลย

Comments

comments

Share: