หลวงพ่อบุญเดช ญาณเตโช วัดถ้ำแสงธรรม ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง ภูลังกา จ.บึงกาฬ โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)

หลวงพ่อบุญเดช ญาณเตโช วัดถ้ำแสงธรรม ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง ภูลังกา จ.บึงกาฬ โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 17 ธ.ค. 2559

หลวงพ่อองค์นี้คือพระที่หลวงตามหาบัวบอกว่าท่านจะเป็นที่พึ่งของพระศาสนาต่อไป ท่านเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506 อายุ 53 ปี (นับถึงปี 2559) เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย พระอรหันต์อภิญญาแห่งวัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี และหลวงพ่อพุธ ฐานิโย

หลวงพ่อบุญเดชเคยไปเมืองพญานาคด้วยกายเนื้อมาแล้ว โดยอยู่ที่นั่นถึง 28 วัน และยังได้เก็บจีวรผืนที่ใช้ลงไปเมืองพญานาคไว้เป็นที่ระลึกจนถึงทุกวันนี้ น้ำที่ซักผ้าจีวรนี้ปรากฏว่ามีเกล็ดประกายสีทองปนอยู่ในน้ำเต็มไปหมด และท่านยังได้นำลูกแก้วของเมืองบาดาลมาด้วย

ท่านฝึกสมาธิอย่างจริงจังโดยเฉพาะในแนวมหาสติปัฏฐาน 4 คือมีสติทุกเวลาทุกลมหายใจเข้าออก ทั้งเวลาตื่นและเวลาหลับจนกระทั่งสามารถกำหนดเวลาตื่นได้ ท่านชอบฝึกการอดอาหารและอดนอนต่อเนื่องกันครั้งละหลายๆ วันจนกระทั่งได้บรรลุธรรมขั้นต่างๆ บางครั้งเมื่อท่านเดินจงกลม ก็มีผู้เห็นว่าท่านเดินจงกลมอยู่บนอากาศหรือยืนอยู่เหนือยอดไม้ ยืนยันได้โดยคุณศักดิ์ พันธุ์ศิลา 380 หมู่ 11 บ้านโนนสว่างเหนือ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย 43220 ที่เคยไปแอบดูตอนท่านเดินจงกลม

เมื่อหลายปีก่อนท่านมีความสงสัยว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรมีจริงหรือไม่ ท่านจึงแก้สงสัยโดยอธิษฐานจิตว่า “หากหลวงปู่เทพโลกอุดรมีจริง ขอให้ท่านได้พบเห็นในวันนี้ จะเป็นกายเนื้อหรือกายทิพย์ก็ดี หากแม้นไม่พบเห็นในวันนี้คืนนี้ต่อไปจะไม่เชื่อว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรมีจริง” เมื่อท่านอธิษฐานเสร็จก็ก้มลงกราบพระ ขณะที่ท่านหันหลังกลับมาเพื่อเตรียมตัวนั่งสมาธิ

ทันใดนั้นก็มีสิ่งหนึ่งปรากฏแก่สายตาทำให้ท่านต้องตะลึง เพราะท่านเห็นพระภิกษุวัยกลางคนรูปร่างค่อนข้างสูง ผิวผ่องเป็นสีชมพู ผมขาว ใบหูใหญ่ หน้าตาคม จมูกโต ครองจีวรสีแก่นขนุน กำลังเดินตรงเข้ามาหาท่าน พร้อมกับเสือโคร่งขนาดใหญ่และสิงโต

พระภิกษุรูปนั้นเอ่ยขึ้นว่า “เธอต้องการพบเราไม่ใช่หรือ” หลังจากนั้นท่านจึงได้บอกกับหลวงพ่อบุญเดชว่า “เราคือหลวงปู่เทพโลกอุดร” และท่านได้เมตตาเล่าเรื่องที่น่ารู้ต่างๆ พร้อมทั้งสอนธรรมะและการปฏิบัติแก่หลวงพ่อบุญเดชอยู่ราว 2 ชั่วโมง แล้วท่านก็เดินกลับหายตัวไปต่อหน้าต่อตา ท่านจึงหมดความสงสัยและยืนยันว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรมีอยู่จริง ท่านยังได้ปั้นรูปเสือและสิงโตไว้เป็นอนุสรณ์ที่ปากทางขึ้นบนลานพระใหญ่ของวัดถ้ำแสงธรรมอีกด้วย

เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ผม (อู๋) กับเพื่อนๆ ได้เดินทางไปหาท่านที่ภูลังกา โดยผมตั้งใจจะนำเหล็กไหล “หลวงปู่สิงห์” ซึ่งเป็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งสีปีกแมลงทับถวายแก่ท่าน เหล็กไหลก้อนนี้เป็นเหล็กไหลจากภูเขาควายที่ยังไม่ตายยังนิ่มอยู่เหมือนตังเม แต่ผมก็รู้ตัวอยู่ว่าตอนนี้ร่างกายของผมไม่สามารถที่จะปีนขึ้นเขาภูลังกาได้เพราะทางขึ้นเขาชันและสูงมาก ทางขึ้นภูลังกาฝั่งอำเภอบึงกาฬสมัยนั้นเป็นบันไดไม้รวมกว่า 400 ขั้น กึ่งเดินกึ่งปีนลำบากสุดๆ ขึ้นไปแล้วก็ยังไม่ถึงวัด ต้องเดินผ่านป่าเขาลำธารไปอีกไกล

ผมเคยขึ้นไปกราบท่านมาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่ร่างกายยังแข็งแรง ตอนนั้นกว่าจะไปถึงวัดก็แทบหมดแรงนอนหมดสภาพเลยทีเดียว ต้องเริ่มเดินขึ้นตั้งแต่ 7 โมงเช้าเพื่อไม่ให้ร้อนเกินไป ใช้เวลาเดินขึ้นบันไดหลายชั่วโมง ครั้งนี้ผมตั้งใจจะถวายท่านโดยกำหนดจิตบอกไปในตอนนั่งสมาธิ แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเมื่อไปถึงทางขึ้นภูแล้วจะทำอย่างไรต่อไป เพื่อนๆ ผมเขาก็ถามผมหลายครั้งว่าเมื่อไปถึงแล้วจะเอาอย่างไร ถ้าไปถึงแล้วจะเดินขึ้นอย่างไร ผมก็บอกว่า “ผมเดินขึ้นไม่ไหว ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ถามผม 2-3 ครั้ง ผมก็ตอบเหมือนเดิมคือ “ไม่รู้”

แต่เชื่อไหมครับ พอรถยนต์ของพวกผมไปถึงตีนเขาทางขึ้นภูลังกา ก็เห็นหลวงพ่อบุญเดชท่านกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่ที่ตีนเขาพอดี ท่านเพิ่งลงมาจากภูลังกาเพื่อจะไปธุระในเมืองแต่ยังไปไหนไม่ได้เพราะรถยนต์ที่มารับท่านเกิดสตาร์ทไม่ติด คนขับกำลังหาสาเหตุที่รถเสียสตาร์ทไม่ติด ท่านจึงนั่งรอก็เลยเจอกับพวกผมพอดี อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น

หากพวกผมไปถึงช้าไปหรือเร็วไปแค่ 15 นาที ก็ไม่มีทางได้พบท่านแล้ว เพราะในปีหนึ่งหลวงพ่อท่านจะลงมาจากภูลังกาแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ผมจึงได้นำเหล็กไหลน้ำหนึ่งชนิดที่ไม่มีใครจะได้มาครอบครองถวายท่านไปเพื่อเอาบุญติดตัว ท่านรับไปแล้วก็ยิ้มด้วยความยินดีโดยหันหน้าไปทางภูเขาควาย (ท่านคงใช้ญาณตรวจดู) แล้วพูดกับผมว่า “ขอบใจมาก เป็นของดีจริงๆ” แล้วอยู่ๆ รถยนต์ของท่านก็สตาร์ทติดขึ้นมาได้เอง….

แชร์เลย

Comments

comments

Share: