เสี้ยวชิวิตของคุณ ชาลี อินทรวิจิตร ที่กล่าวถึงบารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

บารมีหลวงพ่อวัดปากน้ำ

ลองอ่านเสี้ยวชิวิตของคุณ ชาลี  อินทรวิจิตร ที่กล่าวถึงบารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำดูครับ

 กว่าจะรู้ว่าชีวิตไม่เหมือนอะไรหรือเหมือนอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ผมไม่รู้จัก จนแล้วจนรอดชีวิตมันก็ยังผูกติดกับผม เป็นคู่กัดกันมา จนถึงทุกวันนี้กาลเวลาปลิวไปๆ ทำให้อายุและวัยของผมเพิ่มขึ้นๆกลายเป็นนักเลงชีวิตเก่าๆแก่ๆ ที่แผนที่ความทรงจำผุเปื่อยลางเลือน กระดาษชีวิตบางตอนขาดหายลบเลือนไปบ้าง แต่ที่งดงามอยู่ในสำนึกของหัวใจตลอดไป คือ บารมีของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เท่านั้น

 ครับ ... ผมจะเล่าให้ฟัง
 ปี พ.ศ. 2504 มีโทรเลขฉบับหนึ่งจากพี่ ส. อาสนจินดา ถึงผม ขอตัว ศรินทิพย์ ศิริวรรณ หรือไพลิน ภรรยาของผมให้เดินทางไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง 1 ต่อเจ็ด ที่ชุมทางหาดใหญ่ พร้อมกับส่งตั๋วเครื่องบินมาให้ 1 ที่ เป็นการบังคับกลายๆ ถึงไงผมก็ยินยอมอยู่แล้วแม้จะไม่ได้ไปด้วยเพราะค่าเครื่องบินแพง ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายต้อนรับตรุษจีที่โรงภาพยนตร์พัฒนาการ

 เช้าตรูวันที่ 11 ธันวาคม 2504 ผมออกจากบ้านในตรอกศาลเจ้า-แซ่ซิ้มไปเอารถที่ฝากไว้หน้าโรงเรียนอนุบาลฝั่งตรงข้าม เป็นรถเฟียตเล็ก สีกะปิเป็นพาหนะพาเราทั้งสองคนเดินทางไปสู่ดอนเมือง

 ถนนสายพหลโยธินเก่า ทอดเงาครึ้มไปด้วยต้นมะฮอกกานีเป็นระยะๆ สองข้างทางเวลา 5.00น.เศษ มีแสงไฟของรถที่สวนทางกับเราเป็นทิวแถว ถี่บ้าง... ห่างบ้าง และทันใดนั้นผมขนลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ เมื่อได้ยินเสียงกระซิบข้างหูว่า “ระวังรถชน” ตัวเองพยายามคิดว่าเป็นอุปาทานของหัวใจอันวอกแวกของเราเองต่างหาก แต่ยิ่งใกล้เข้าไปเสียงกระซิบนั้นยิ่งย้ำหนักขึ้นถี่ขึ้น ผมตัดสินใจหักพวงมาลัยรถ จอดแอบข้างทาง เอาหัวรถบังต้นมะฮอกกานีต้นใหญ่ต้นหนึ่งไว้ 

 ภรรยาผมยังถามว่า “อ้าว จอดทำไม เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทัน” ผมตอบว่า มีรถสวนมามากผมขอจอดสูบบุหรี่ 1 มวนก่อนแล้วค่อยไป ทันถมเถ

ท่านเชื่อไหมครับ ทันใดนั้นมีรถบรรทุกถั่วงอกคันหนึ่งวิ่งข้ามฟากตรงเข้ามาชนส่วนท้ายของรถผมจนได้ ไฟท้ายรถกระเด็นหายไปเลย เจ้าของรถบรรทุกเป็นคนจีน ร้องแรกแหกกระเชอว่าเขาไม่ได้หลับใน ทางมันมืดเอง รถเลยวิ่งหลงทางมาชน

 ผมบอกเขาว่าให้ตำรวจตัดสินดีกว่า คุณจะแก้ตัวยังไงกับผมคงไม่มีประโยชน์อันใดหรอก ในที่สุดเมื่อตำรวจมาถึงจดบันทึกอะไรต่อมิอะไรตามหน้าที่ของเขาเสร็จ เขาก็อนุญาตให้ผมไปส่งภรรยาผมที่สนามบินทันพอดี

 ผมกลับมาที่สถานีตำรวจ เจอเจ้าของรถกระบะเขายอมรับผิด แล้วงัดเอาพระของขวัญของหลวงพ่อออกมาพนมมือเหนือหัว ปากก็พร่ำว่าหลวงพ่อช่วยแท้ๆเลย เจ้าประคุณเอ๊ย ถ้าคุณไม่จอดรถไว้ผมคงต้องประสานงากัน หลวงพ่อวัดปากน้ำช่วยชีวิตผมไว้จริงๆ

 ผมนิ่งตะลึงงัน ขนลุกขนชันไปทั้งตัว โอ้นี่เป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อแท้ๆที่ย้ำเตือนเหมือนอุปาทานให้ผมจอดรถก่อนอะไรจะเกิดขึ้น

จำเป็นไหมที่ผมจะต้องเอาพระของขวัญของหลวงพ่อในคอโชว์ให้เขาดู จำเป็นไหมจะต้องบอกให้เจ้าของรถคู่กรณีหรือนายร้อยเวรคนนั้นรู้ว่า ผมก็มีหลวงพ่อวัดปากน้ำคุ้มครองชีวิตเหมือนกัน

แต่จำเป็นที่สุด ในหัวใจของผมคือ ภาวนาถึงพระคุณหลวงพ่อทันที สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง สัมมาอรหัง ...

หนังสือความปรารถนา และบารมี ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

Share: