ภายหลังจากที่ท่านอาจารย์เสริมชัยได้ศึกษาธรรม จากตำรับตำราของหลายอาจารย์มาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจฝึกปฏิบัติภาวนาธรรมตามแนว “วิชชาธรรมกาย” อย่างจริงจัง ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม พ.ศ.๒๕๑๓
โดยหมั่นกำหนด “บริกรรมภาวนาและบริกรรมนิมิต” คู่กันไปในอิริยาบถทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน อยู่เสมอเท่าที่โอกาสอำนวย
โดยมี “พระอาจารย์ณัฐนันท์ กุลสิริ” จากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นผู้สอนพระกัมมัฏฐาน
ขณะที่นั่งอยู่ในรถโดยสาร ท่านก็ได้เจริญภาวนา ดังเช่นที่เคยปฏิบัติอยู่เสมอ
จนใจท่านเริ่ม “หยุด” และ “ตกศูนย์”
ท่านก็ได้เห็น “ดวงปฐมมรรค” ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
รู้สึกโปร่งเบาไปหมด จนรถแล่นมาถึงวัดธาตุทองแทบจะไม่ทันรู้ตัว
ต่อมาในวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๖
ท่านอาจารย์เสริมชัยและภรรยา ได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ที่ห้องพระภายในบ้าน
ซึ่งมี “พระพุทธชัยมงคลบพิตร” (องค์ที่สำเร็จด้วย ทองดอกบวบ) เป็นองค์พระประธาน แล้วได้กล่าวสัจจะวาจาอธิษฐาน ร่วมปณิธานเดียวกันว่า
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้า(อาจารย์เสริมชัย)จะครองเพศพรหมจรรย์ เพื่อบำเพ็ญบารมีธรรมมุ่งสู่ “พุทธภูมิ” ไปชั่วชีวิต (ส่วนภรรยาก็อธิษฐานครองเพศพรหมจรรย์ เพื่อร่วมบำเพ็ญบารมีด้วยตลอดชีวิต) และหากเกิดชาติหน้าใด ก็ขอให้มาเกิดเป็นคู่ร่วมบารมี บำเพ็ญธรรมด้วยกันอีก โดยไม่มีกามวิสัยเข้ามาเกี่ยวข้อง”
ออกจากห้องพระแล้ว ท่านอาจารย์เสริมชัยรู้สึกปีติผ่องแผ้ว ที่สามารถปล่อยวางกามกิเลสตัวนี้ให้หลุดพ้นไป เป็นความปลอดโปร่งผ่องใสที่ยากจะบรรยาย หลังจากที่ท่านรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ก็เดินออกจากบ้านจะไปตัดผม
ขณะที่ท่านกำลังเดินไปร้านตัดผม ท่านก็ได้ “เจริญภาวนา” ไปด้วยดังเช่นทุกครั้ง
ใจก็เริ่มหยุดที่ “ศูนย์กลางกาย”
และเมื่อกำหนดใจให้ดิ่งเข้า “กลางของกลาง” ไปเรื่อยๆ
ท่านก็ได้บรรลุ “ธรรมกาย” ในวันนั้นเอง
เมื่อไปถึงร้านตัดผม ขณะที่กำลังให้ช่างตัดผมอยู่นั้น
ท่านก็ได้ “เจริญภาวนา” ต่อไป
จนถึง … ธรรมกายที่ละเอียดๆ ต่อไปตามลำดับ