วิธีปฏิบัติเพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา-บิดา ให้มีผลเทียบเท่าหรือเสมอกับพระคุณของท่าน

– วิธีปฏิบัติเพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา-บิดา ให้มีผลเทียบเท่าหรือเสมอกับพระคุณของท่าน.

🔔 ญาติโยมสาธุชนผู้เป็นพุทธศาสนิกชน นิยมนำกุลบุตร-กุลธิดา-ลูกหลานมาบวช ความจริงก็บวชได้ตลอดปีนะ บวชในระยะสั้นบ้าง ระยะยาวบ้าง เพื่ออบรมความประพฤติปฏิบัติทางกาย ทางวาจาและทางใจ ให้เรียบร้อยดีไม่มีโทษ ให้เป็นบุญเป็นกุศล เพื่อจะแผ่ผลานิสงส์ไปถึงพ่อแม่ เพราะการบวชนี่ได้อานิสงส์มาก

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสถึงอานิสงส์ของการมาบวช และด้วยอาการที่มาบวชนั้นมีลักษณะเป็นการนำพ่อแม่ที่ยังไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มาศรัทธา ที่มีศรัทธาอยู่บ้างแต่ไม่เข้มแข็ง ก็ได้เจริญขึ้นได้เข้มแข็งขึ้น คือเพื่อศึกษาสัมมาปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ตามแนวทางพระพุทธศาสนา และที่มีศรัทธาอยู่แล้วก็ให้เจริญให้เข้มแข็งขึ้น การแผ่ผลานิสงค์ไปถึงพ่อแม่ด้วยอาการที่ว่า ตนเองนำพ่อแม่ที่ยังไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัยให้มาศรัทธา หรือมีศรัทธาน้อยก็ให้ศรัทธามากขึ้น

บุญกุศลในการนำพ่อแม่มาด้วยอาการอย่างนี้ ท่านว่าเสมอกับบุญคุณของพ่อแม่ แปลว่าได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างยิ่งแล้ว เพราะเหตุว่าพ่อแม่ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือเป็นแต่พุทธศาสนิกชนแต่ไม่ได้เรียนรู้พระธรรมวินัย หรือไม่เรียนรู้หลักศีลธรรมให้แจ่มแจ้ง ก็ไม่เข้าใจบาปบุญคุณโทษ ผิดชอบชั่วดี ทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง ก็อาจจะหลงประพฤติผิดไปตามอำนาจของกิเลส อ้ายที่ประพฤติถูกต้องอยู่ก็เป็นบุญเป็นกุศลให้ได้รับผลเป็นความสุขความเจริญ แต่ถ้าประพฤติผิดพลาดไป เป็นบาปอกุศล ก็จะได้รับผลเป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อน และแตกตายทำลายขันธ์คือตายลงแล้ว ผลจากบาปอกุศลที่ปฏิบัตินั้นแหละ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ไปเกิดในทุคติภูมิ คือ ภูมิของเปรต สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ได้ตามกรรม หนักเบาก็ไปตามกรรม

เพราะฉะนั้น การที่พ่อแม่นำกุลบุตรมาบวช ก็พามาบวชแล้วนี่ อาการนี้เป็นอาการที่ลูกนำพ่อแม่ที่ไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธาในพระรัตนตรัยแล้วศึกษาสัมมาปฏิบัติ แล้วก็แผ่ผลานิสงส์ให้พ่อแม่

ถาม : ได้อานิสงส์เท่าไหร่ครับบวชพระ ?

ตอบ :: บวชพระนี่ได้อานิสงส์เป็นญาติพระศาสนา 64 กัปนะต่อ 1 องค์น่ะ แต่ถ้าบวชเณรได้ 16 กัป ขออภัย นี้คือตัวเองได้ ตัวเองได้หมายถึงผู้บวช พระน่ะได้ 64 กัป ตัวเองมาบวชน่ะ สามเณรได้ 16 กัป ใช่ไหม แต่ว่าพ่อแม่ที่นำมาบวชก็ได้ครึ่งหนึ่งๆ หรือไม่ถึงครึ่ง เช่นว่า พ่อแม่นำมาบวชก็ได้ 16 กัป ถ้าบวชสามเณรก็ลดลงไปอาจจะเหลือ 8 กัป อะไรอย่างนี้

แต่การเป็นญาติพระศาสนาแม้เท่านั้น คำว่าเป็นญาติพระศาสนาคือได้เข้าใกล้ชิดพระพุทธศาสนา จึงได้ฟังธรรม ได้ศึกษาข้อปฏิบัติที่ดีนำไปสู่ความเจริญสันติสุข แล้วได้ศึกษาข้อปฏิบัติไม่ดีเป็นบาปอกุศลนำไปสู่โทษความทุกข์เดือดร้อน ก็ทำให้รู้ด้วยปัญญาว่าทางดีก็ควรจะปฏิบัติเพื่อความเจริญสันติสุขของตน ทางไม่ดีไม่ควรปฏิบัติ ควรงดเว้น เพราะเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อมเป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อน เพราะฉะนั้น กุลบุตรที่พ่อแม่เข้ามานะ คุณความดีนั้นจึงช่วยพ่อแม่ที่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ให้มีความรู้มากขึ้น รู้ทางเจริญทางเสื่อมมากขึ้น รู้ข้อที่เป็นแก่นสารสาระและข้อที่ไม่เป็นแก่นสารสาระในชีวิตดีขึ้น ก็มาศึกษาปฏิบัติธรรม ฉะนั้นอานิสงส์นี้พ่อแม่ก็เลยใกล้ชิดพระพุทธศาสนาไปด้วย เรียกว่าเป็นญาติพระศาสนา

ถาม : ได้เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมตามลูกชายด้วย ?

ตอบ :: ใช่ ถูกต้อง เพราะไม่มีพ่อแม่ที่ไหนหรอก เอาลูกไปบวชแล้วตัวเองหนีไปไม่เคยมาเลย ก็อาจจะมีแหละแต่ว่ามันน้อยเต็มที แต่ว่าโดยหลักจริงๆแล้วก็เข้ามา ก็มาดูแล มาทำนุบำรุง ใช่ไหม เลยกลายเป็นลูกนำพ่อแม่เข้ามาเข้าวัด

ถาม : ยังไงพ่อแม่ก็ต้องมาถวายภัตตาหาร ?

ตอบ : ถูกต้อง นี่แหละคือเป็นบุญเป็นกุศล ได้มาฟังธรรม ยิ่งในระหว่างพรรษานี่พระแสดงธรรมนำเข้าสู่การศึกษาสัมมาปฏิบัติ พ่อแม่ก็ได้เข้ามา ก็ได้รู้บาปบุญคุณโทษตามที่เป็นจริง ที่นี้เมื่อปฏิบัติดีไปแล้วก็ได้รับผลเป็นคุณความดี แตกกายทำลายขันธ์ก็ไปสู่สุคติ ผลแห่งกรรมดีนี่นำไปสู่สุคติ คือเป็นที่ไปที่ดี เช่น ไปเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทพยดา เป็นต้น ถ้าประกอบหรือบำเพ็ญบุญกุศล มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล เป็นต้น

ถาม : ก็ทำให้ท่านมีภูมิจิตสูงขึ้น ?

ตอบ : ถูกต้อง นี่แหละ แต่ทีนี้ ถ้าเผื่อว่าไม่รู้บาปบุญคุณโทษ มันก็ภูมิจิตก็ต่ำ ต่ำก็หลงประพฤติผิดไป ก็ได้รับผลเป็นโทษเป็นความทุกข์เดือดร้อน วุ่นวายอยู่ในสังคมเนี่ย ใช่ไหม แม้แต่ในครอบครัวนี่สังคมย่อย ใช่ไหม ก็วุ่นวาย มาถึงสังคมใหญ่ก็วุ่นวาย ใช่ไหม แม้แต่สังคมโลกก็วุ่นวาย เพราะฉะนั้น ถ้ารู้ทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง ประพฤติปฏิบัติไปอยู่แต่ในคุณความดี หลีกหนีความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ชีวิตก็มีแต่ความเจริญและสันติสุข นี่เป็นอานิสงส์ ก็เพราะลูกนำมา ทั้งๆที่ตัวเองน่ะนำลูกมาบวช แต่ว่าเมื่อลูกมาบวชแล้วนี่กลายเป็นนำแม่เข้ามา พ่อแม่เข้ามา ใช่ไหม

ทีนี้ อย่างนี้ไม่ได้หมายความแต่เพียงว่าผู้ที่มาบวชนะ กุลธิดาคือลูกที่ดี

ถาม : แต่ถ้าไม่กล่าวถึงผู้หญิงเดี๋ยวน้อยใจ ?

ตอบ : เดี๋ยวจะน้อยใจนะ ผู้หญิงก็ทำได้ นำพ่อแม่ที่ยังไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัย ให้มาศรัทธานะ แล้วก็ศึกษาปฏิบัติธรรม ได้อานิสงส์เหมือนกันนะ คือหนึ่ง ตัวเองก็ทำคุณความดีเสมอกับบุญคุณของพ่อแม่ ซึ่งมีมากมายรำพันกันไม่ไหว ใช่ไหม เช่นเดียวกันกับกุลบุตร แล้วก็ตัวเองก็ได้มาศึกษาปฏิบัติธรรมยกภูมิจิตของตนให้สูงขึ้น พ่อแม่ก็ดีขึ้น ก็เลยได้อานิสงส์ไปด้วยกัน เหมือนกับกุลบุตรที่มาบวช เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น กุลธิดาหรือลูกหญิงที่ดี ลูกหลานที่เป็นผู้หญิงที่ดี ก็สามารถทำความดีได้อย่างนี้ นี่กล่าวนี้อานิสงส์ ทั้งหมดนี้อานิสงส์

ถาม : ที่ฟังมานั้นลูกหญิงก็อย่าได้น้อยใจว่าไม่ได้บวช ?

ตอบ : ไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องน้อยใจ นี่ ข้อนี้ได้อานิสงส์

_____________

เทศนาธรรมจาก

พระเทพญาณมงคล

หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล

วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

อ.ดำเนินสะดวก

จ.ราชบุรี

_____________

บางตอนจากเทศนาธรรมเรื่อง

“นวโกวาท”

_____________

เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.

แชร์เลย

Comments

comments

Share: