ขอพระราชทานผ้าพระกฐิน

ขณะที่กำลังคิดหาวิธีการขอพระราชทานผ้าพระกฐินอยู่นั้น ประมาณเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ อ.ตรีธาก็ฝันเห็นหลวงพ่อไปนั่งอยู่หน้าเตียงนอนของท่าน หลวงพ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายเก่าๆ

อ.ตรีธาเล่าว่า พอเห็นหลวงพ่อก็ดีใจมาก รีบตรงเข้าไปกราบที่เท้า หลวงพ่อถามว่า ตรีธา เอ็งจะทอดกฐินหรือ อ.ตรีธากราบเรียนว่า เจ้าค่ะ แต่ลูกไม่ทราบจะขอพระราชทานผ้าพระกฐินอย่างไร

หลวงพ่อตอบว่า ให้ไปหาพันเอก ม้วน คชวงษ์ นายทหารการเงินกระทรวงกลาโหม ให้เป็นผู้ดำเนินการขอให้ แล้วหลวงพ่อก็ชี้ไปบริเวณหน้าพระอุโบสถ อ.ตรีธามองตามก็เห็นผู้คนมากมาย ศีรษะดำๆเต็มไปหมด หลวงพ่อบอกว่า คนพวกนี้แหละเขาจะมาเป็นบริวาร

🎯เมื่ออ.ตรีธาตื่นขึ้นมาประมาณตี ๔ ความฝันนั้นยังติดหูติดตาติดใจ รู้สึกปลาบปลื้มปิติราวกับจะลอยได้ ดีใจที่ความปรารถนาของตัวท่าน หลวงพ่อรับรู้และช่วยมาแก้ปัญหาให้ด้วย

ขณะกำลังยิ้มอยู่คนเดียวด้วยความดีอกดีใจอยู่นั้น พี่ประยูร นาคบุญเที่ยง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมปฏิบัติภาวนาทำวิชชาในโรงงานด้วยกัน ไปยืนที่หน้าเตียงของท่าน อารามดีใจจนเก็บไม่อยู่ อ.ตรีธาจึงรีบบอกว่า “พี่ยูร ปีนี้ฉันจะต้องทอดกฐินให้ได้” พี่ประยูรตอบว่า “อะไรยังไม่ทันจะล้างหน้าเลย จะทอดกฐินแล้ว” อ.ตรีธาย้ำด้วยความมั่นใจว่า “จริงๆนะพี่นะ หลวงพ่อมาบอก ฉันจะต้องทอดกฐินให้ได้”

📌การที่หลวงพ่อไปเข้าฝันแนะนำ อ.ตรีธาครั้งนี้ ทำให้ท่านมีกำลังใจมาก คิดว่าอย่างไรเสียจะต้องขอพระราชทานผ้าพระกฐินให้ได้ จึงเริ่มหากรรมการกฐิน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อเหล่านั้นจะไว้เนื้อเชื่อใจท่านแค่ไหน เป็นงานที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ทุกครั้งก่อนที่จะออกไปหากรรมการกฐิน อ.ตรีธาต้องขึ้นไปจุดธูปเทียนกราบเรียนหลวงพ่อให้ทราบขอบารมีให้ท่านช่วย

ขณะนั้นสังขารของหลวงพ่อตั้งอยู่บนโรงเรียนพระปริยัติธรรมภาวนานุสนธิ์ ชั้น ๓ อ.ตรีธากราบเรียนหลวงพ่อว่า หลวงพ่อเจ้าขา ลูกจะไปหากรรมการกฐิน ไม่ว่าลูกจะไปขอร้องผู้ใด ขอหลวงพ่อช่วยให้ผู้นั้นมีความเชือถือไว้วางใจ เมตตาในตัวลูก

ขอให้เขาตกลงใจรับเป็นกรรมการกฐิน และขอให้ลูกขอพระราชทานผ้าพระกฐินมาทอดที่วัดปากน้ำนี้เป็นผลสำเร็จ…

📍อ.ตรีธาต้องออกไปนอกวัดเกือบทุกวัน ยุคนั้นไม่มีโทรศัพท์ใช้แพร่หลายสะดวกเหมือนยุคนี้ และการพูดโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือกับคนที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน คงไม่เหมาะเป็นแน่ อ.ตรีธาท่านบอกว่า ท่านยอมเหนื่อย

นอกจากจะเหน็ดเหนื่อยแล้ว ท่านยังต้องหาเพื่อนไปด้วยอีก ๑ คน ท่านต้องออกค่ารถ ค่าอาหารให้เขาทั้งหมด บางครั้งเพื่อนคนหนึ่งไม่ว่าง ก็ต้องไปอ้อนวอนคนอื่นให้ไปด้วย ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคุณหนูที่ไปไหนต้องมีพี่เลี้ยงไปด้วย แต่ต้องการให้มีพยานรู้เห็นว่าท่านออกไปนอกวัดทุกวันนั้นไปทำอะไร ท่านกลัวจะมีเสียงครหาว่า พอไม่มีหลวงพ่อก็ออกเที่ยวนอกวัดทุกวันเลย

👑ผลออกมาก็ทำให้ท่านหายเหนื่อย มีกรรมการกฐินได้ครบจำนวน ๑๐๐ คน ตามที่ตั้งเป้าไว้ ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดีซึ่งท่านแน่ใจว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อ

งานสำคัญต่อไปคือการไปพบพันเอก ม้วน คชวงษ์ ที่กรมการเงิน กระทรวงกลาโหมตามคำสั่งของหลวงพ่อ ตอนนั้น อ.ตรีธายังไม่รู้จักพันเอกม้วน เคยได้ยินแต่ชื่อ จำได้ว่า หลวงพ่อเคยสั่งให้ทำวิชชาธรรมกาย ช่วยให้ได้เป็นพันเอก คราวนี้จะได้รู้จักตัวจริงเสียที พยายามดั้นด้นไปหาถึงที่ทำงานในกระทรวงกลาโหม กว่าจะเข้าไปพบได้ก็ไม่ใช่เข้าง่ายๆ

หลังจากแนะนำตัวเองแล้ว อ.ตรีธาบอกพันเอก ม้วนว่า คุณน้าช่วยขอพระราชทานผ้าพระกฐินให้วัดปากน้ำด้วยเถอะค่ะ ดิฉันรวบรวมกรรมการได้ ๑๐๐ คนแล้ว

🔮พันเอกม้วน มีท่าทีไม่เชื่อถือหรือไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า ถึงกับมองลอดแว่น พิจารณาคนพูดอย่างถี่ถ้วน คงจะไม่ค่อยศรัทธานักว่า สตรีผู้นี้จะทำงานใหญ่ขนาดขอผ้าพระกฐินจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเชียวหรือ แล้วจะจัดพิธีเป็นหรือ ต่างก็ไม่รู้จักกันมาก่อน ถึงจะเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเหมือนกันก็ตาม ถึงกับถามย้ำให้แน่ใจว่า คุณน่ะหรือจะขอกฐินพระราชทาน คุณจะทำได้หรือ

เมื่ออ.ตรีธายืนยันว่าทำได้แน่ ก็พวกลูกศิษย์ของหลวงพ่อพร้อมใจกันผนึกกำลังแน่นปึ๊ก มาเป็นกรรมการกันตั้ง ๑๐๐ คน แล้วหลวงพ่อก็รับทราบและสนับสนุนโดยไปเข้าฝันบอกวิธีการให้

💎อ.ตรีธายิ่งแน่ใจเต็มที่ว่า เราทำได้ พันเอก ม้วนก็กำชับอีกว่า ถ้าจะทำต้องทำให้ดีนะ ถ้าทำไม่ดีถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อ.ตรีธาก็รับรองให้พันเอก ม้วนสบายใจ

ในขณะเดียวกันก็พูดกับตัวเองว่า ตรีธาต้องทำให้สำเร็จและสมพระเกียรติยศของพระเจ้าอยู่หัว และสมเกียรติของหลวงพ่อสุดบูชาของลูก ถ้าได้เงินไม่ถึงเป้าที่วางไว้ ก็จะขายเครื่องประดับที่แม่สะสมให้ไว้ นำเงินมาถวายกฐิน อย่าว่าแต่เครื่องประดับเลย แม้ที่ดินที่พ่อแม่ให้ไว้เป็นมรดกก็จะนำมาขายด้วย

📍ดังนั้นในปี พ.ศ.๒๕๐๔ อันเป็นปีแรกที่อ.ตรีธาจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน จึงไม่มีชื่อเป็นประธานกฐิน เพราะขอพระราชทานในนามพันเอก ม้วน คชวงษ์ เมื่อถึงเวลาก็พิมพ์ซองกฐินแจก ได้เงินมาเพิ่มอีกเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงพระ จัดของไทยธรรม จัดเครื่องบริวารกฐินเพิ่ม ถวายปัจจัยพระสงฆ์ สามเณร จัดอาหาร เครื่องดื่มเลี้ยงสาธุชน และค่าดำเนินการอื่นๆเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว มีเงินเหลือสุทธิเข้าวัดถึง ๙๐,๐๐๐ บาท

📌แต่ท่านก็ยังไม่หยุดใจไว้เพียงแค่นี้ พลังมันหลั่งไหลมาอย่างมหาศาล ทั้งพลังกายพลังใจ ถือว่างานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานนี้เป็นงานที่หลวงพ่อมอบให้ท่านทำโดยตรง ท่านจะต้องพัฒนางานชิ้นนี้ให้ยิ่งใหญ่และมั่นคงต่อไป จะขอทำทุกปีไม่ให้ขาด

เพื่อวัดปากน้ำอันเป็นบ้านเกิดกายธรรม เป็นบ้านพ่อ เป็นบ้านที่ให้ความร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี เพื่อถวายบุญกุศลเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และบูชาหลวงพ่อ…

**จากหนังสือตรีธาเล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ

แชร์เลย

Comments

comments

Share: