“ กายสิทธิ์ “ ตามแนวพระกรรมฐานวิชชาธรรมกาย โดยคุณยายอาจารย์ตรีธา เนียมขำ หัวหน้าเวรในโรงงานทำวิชชาวัดปากน้ำตั้งแต่สมัยหลวงปู่สดยังมีชีวิตอยู่
—————————————————-
ท่านผู้อ่านบางท่านคงจะเคยได้ยินเรื่อง เพชรตาแมว และพวกคดต่าง ๆ มาบ้างแล้ว คดเหล่านี้บางทีเกิดในสมองช้าง ตาวัว ตาควาย ตาแมว ถ้าเกิดในตาแมว มักเรียกว่า เพชรตาแมว บางทีเกิดในผลทับทิม มะละกอ ลูกหมาก และผลไม้ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในสิ่งใด ๆ ก็ได้ จากสิ่งที่อ่อนนิ่มก็กลายเป็นแข็ง บางทีแข็งขนาดเป็นหินเป็นแก้ว จะขบเคี้ยวทุบตีอย่างไรก็ไม่แตก บางคนสับมะละกอลงไปก็พบหินอยู่ภายใน นับเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด เพราะมะละกอมิใช่ไม้ยืนต้น ปลูกไม่นานก็ให้ผลแล้วทำไมจึงมีหินอยู่ภายในได้ สิ่งทั้งหมดนี้หลวงพ่อท่านเรียกว่า ” กายสิทธิ์ “
แต่ถ้าเกิดในร่างกายคน เช่น นัยน์ตา หรือ ตามส่วนอื่น ที่เรียกว่า ต้อหิน ต้อกระจก หรือ นิ่ว นั้นไม่จัดเป็นกายสิทธิ์นะคะ มีแต่จะทำความทุกข์ทรมานให้กับบุคคลนั้น ต้องรีบให้แพทย์ช่วยกำจัดทำลายให้หมดไป
หลวงพ่อท่านบอกว่า กายสิทธิ์ลงที่ไหน ทีนั่นก็แปรสภาพ จากของที่ไม่ถาวรก็กลายเป็นของที่ถาวร จากของที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อท่านมีกายสิทธิ์มากมายหลายชนิด เพราะขณะที่ปฏิบัติกิจภาวนาท่านมักจะเรียกกายสิทธิ์ทั้งหลายมารวมที่ท่าน และยังมีพวกลูกศิษย์นำมาถวายอีกด้วย หลวงพ่อท่านอธิบายว่า กายสิทธิ์เป็นบริวารสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งมี ๓ ประเภท คือ บรมจักร มหาจักร และจุลจักร บริวารสมบัติของพระเจ้าจักพรรดิคือสัตตรัตนะ มี ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว แก้วมณี กายสิทธิ์จัดอยู่ในประเภท แก้วมณี
กายสิทธิ์นั้น ถ้าตกไปอยู่กับผู้ใด ก็จะบันดาาลให้มีสังหรณ์ทั้งเหตุดีและร้าย กายสิทธิ์นั้นเจ้าของควรนำติดตัวอยู่ตลอดเวลา ให้เนื่องกับกายเนื้อ เพื่อจะได้สัมพันธ์ทางกาย เมื่อสัมพันธ์ทางกายแล้ว ใจก็สัมพันธ์ด้วย เป็นการเปิดอายตนะรับสิ่งที่เป็นมงคลช่วยเสริมบารมีของเจ้าของด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยในการทำสมาธิ การกำหนดดวงอุคคหนิมิต เพราะตามปกติคนส่วนมากจะกำหนดดวงอุคคหนิมิตไม่เป็น แต่ผู้ที่มีกายสิทธิ์ในครอบครอง จะรู้จักลักษณะของดวงอุคคหนิมิต จะกำหนดได้ง่ายขึ้น กายสิทธิ์เหล่านี้ล้วนเป็นสิริมงคลทั้งสิ้น ไม่มีที่เป็นอัปมงคลเลย
เนื่องจากหลวงพ่อท่านมีกายสิทธิ์จำนวนมาก ท่านจึงแจกกายสิทธิ์ให้ผู้ได้วิชาธรรมกายเกือบทุกคนเพื่อถือขณะปฏิบัติกิจ ภาวนา เพราะช่วยทุ่นแรงในการปฏิบัติภาวนา เมื่อหลวงพ่ออาพาธท่านได้เรียกกายสิทธิ์กลับคืนหมด สำหรับข้าพเจ้านั้น หลวงพ่อเคยให้พระบรมธาตุ ๑ เจดีย์งา และกายสิทธิ์ ๑ ดวง เพื่อถือเวลาปฏิบัติกิจภาวนา และเวลาที่หลวงพ่อเรียกกายสิทธิ์คืนนั้นเผอิญข้าพเจ้าไม่อยู่ เมื่อกลับมาได้ทราบจากเพื่อน ข้าพเจ้าจึงได้นำกายสิทธิ์และพระบรมธาตุใส่ถาดเล็ก ๆ ไปคืนหลวงพ่อ หลวงพ่อถามว่า ” ของอยู่ที่เอ็งเท่านี้หรือ ” ข้าพเจ้าตอบว่า ” เจ้าค่ะ ” หลวงพ่อบอกว่า ” เออ หลวงพ่อให้เอ็ง “
หลังจากที่หลวงพ่อมรณภาพแล้ว ข้าพเจ้าได้กราบเรียนให้ #ท่านเจ้าคุณธรรมธีราชมหามุนี* ทราบว่า ข้าพเจ้ามีสมบัติของหลวงพ่อ ๒ อย่าง คือ พระบรมธาตุบรรจุเจดีย์งา ๑ และกายสิทธิ์อีก ๑ ดวง ข้าพเจ้าคิดว่า จะถวายคืนให้เป็นสมบัติของวัดปากน้ำ เมื่อชีวิตหาไม่แล้ว ของทั้ง ๒ สิ่งนี้เป็นสมบัติของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายคืนให้เป็นสมบัติส่วนรวมของวัดปากน้ำขอท่านผู้อ่าน ทั้งหลายได้โปรดรับทราบและเป็นพยานด้วย
ศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อ เมื่อทราบความศักดิ์สิทธิ์ของกายสิทธิ์ ต่างก็หาไว้เป็นสมบัติเพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากที่หลวงพ่อมรณภาพแล้ว คณะศิษย์ที่ใกล้ชิดของหลวงพ่อและได้วิชาธรรมกายจำนวน ๕ คน คือ นายประยูร สุนทารา คุณนายเชื้อ ปุรณเสวี นางลมัย ชูวงศ์วุฒิ น.ส.ประยูร นาคบุญเที่ยง และข้าพเจ้า น.ส.ตรีธา เนียมขำ ได้บรรจุกายสิทธิ์ ๓ ดวง แต่ละดวงมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓ นิ้ว ไว้ในรูปเหมือนของหลวงพ่อซึ่งเป็นรูปเหมือนยืนเต็มองค์ตรงที่เป็นศูนย์กลาง กาย ฐานที่ ๗ บรรจุเมื่อ วันพุธที่ ๕ พ.ค. ๒๕๐๒ อันเป็นวันที่ชาวจังหวัดสมุทรปราการเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพหลวงพ่อ และรูปยืนนี้ได้ประดิษฐานอยู่หน้าหีบศพของท่านบนหอสังเวชนีย์มงคลเทพนิมิต
ข้าพเจ้ามีเรื่องเกี่ยวกับกายสิทธิ์จะเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ อันเป็นปีที่ท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถร ( ธีระ คล้อสุวรรณ ) ถึงแก่มรณภาพ ซึ่งศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือ มักเรียกท่านว่า ” หลวงพ่อเล็ก ” ท่านเป็นภิกษุที่ได้ธรรมกายขั้นสูงเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดของหลวงพ่อ ท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร และได้รับใช้สนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาด้วยดี ท่านเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงของคณะศิษย์ทั้งในวัดและนอกวัด และเป็นผู้หนึ่งที่ได้ช่วยกอบกู้ฐานะของวัดปากน้ำให้ดียิ่งขึ้น มาโดยลำดับนับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ที่หลวงพ่อมรณภาพเป็นต้นมา ท่านเป็นภิกษุที่มีจิตใจดี อารมณ์ดี เยือกเย็น มีเมตตากรุณายิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ไม่เคยปรากฏว่าท่านโกรธหรือดุด่าผู้ใดเลย เมื่อท่านมรณภาพลงลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือ จึงโศกเศร้าเสียใจ และว้าเหว่ที่สูญเสียท่านไป ระหว่างที่ทางวัดปากน้ำกำลังบำเพ็ญกุศลถวายแด่หลวงพ่อเล็ก คืนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าฝันเห็นท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี นั่งอยู่บนอาสนสงฆ์ มีพระภิกษุอีกหลายรูปนั่งเรียงต่อจากท่าน ในฝันนั้นท่านมีหน้าตาเศร้าหมอง ท่านบอกว่า ท่านเป็นห่วงวัดปากน้ำ ว่าจะไปรอดหรือไม่รอด ข้าพเจ้าได้กราบเรียนท่านไปว่า กายสิทธิ์ไงล่ะคะ นึกถูก นึกเป็น นึกดี นึกได้ทุกที ในฝันนั้นข้าพเจ้าได้นึกถึงกายสิทธิ์ของหลวงพ่อ เพราะทราบว่าหลวงพ่อท่านมีกายสิทธิ์มาก หลังจากวันนั้นข้าพเจ้าได้พบท่านเจ้าคุณธรรมธีราชมหามุนีอีกหลายครั้ง แต่มิได้เล่าความฝันให้ท่านฟัง เพราะไม่แน่ใจว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ จึงได้แต่เก็บไว้ในใจทั้งที่ใจอยากจะเล่าให้ท่านฟัง วันหนึ่ง ข้าพเจ้าพบท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนีขณะที่ท่านรอเจ้าภาพที่นิมนต์ท่านสวดมนต์ ท่านได้ทักทายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกราบเรียนเรื่องความฝันให้ท่านฟัง ท่านถามข้าพเจ้าว่าฝันตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าพเจ้ากราบเรียนท่านว่า ประมาณ ๒ สัปดาห์ ผ่านมาแล้ว ท่านก็บอกว่า ” อ้าว ถ้าอย่างนั้นก็ฝันคืนเดียวกับที่หลวงพี่ฝันน่ะซิ หลวงพี่ก็ฝันนะเรื่องกายสิทธิ์น่ะ ” ท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนี ได้เล่าความฝันให้ข้าพเจ้าฟังดังนี้
ท่านฝันว่าท่านเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ( ขณะนั้น ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมปัญญาบดี ) ขณะที่ท่านเจ้าคุณธรรมธีราชมหามุนี กำลังอยู่ในห้องพักกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ ได้มีผู้นำแก้วกายสิทธิ์จุยเจียมาถวาย ท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนี ได้ส่งแก้วกายสิทธิ์ดวงนั้นไปให้ สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ ๆ รับมาพิจารณาแล้วบอก ว่าดี แล้วส่งคืนให้ท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนี
หลังจากที่ท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนี ฝันได้ไม่นาน ทางประเทศญี่ปุ่นได้มีหนังสือมากราบทูลเชิญสมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณณสิริมหาเถร วัดพระเชตุพน ฯ ให้เสด็จไปฉลองวิหารที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนี ในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๑๒ แต่สมเด็จพระสังฆราชทรงมีกิจที่จะต้องกระทำ ไม่สามารถเสด็จได้ จึงได้นิมนต์สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ไปแทน เมื่อเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่นและเข้าห้องพักแล้ว ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตรงกับในความฝันของท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนีทุกประการ ท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนีได้นำแก้วกายสิทธิ์จุยเจียมาจากประเทศญี่ปุ่นและเก็บรักษาอย่างดีจนถึงทุกวันนี้.
—————————————————-
ที่มา : หนังสือ ” รู้ตรึก รู้นึก รู้คิด ธรรมกาย ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ” โดย น.ส.ตรีธา เนียมขำ หน้า ๖๒ – ๖๕
หมายเหตุ ; * ท่านเจ้าคุณธรรมธีรราชมหามุนี สมณศักดิ์สุดท้ายที่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ( ช่วง วรปุญฺโญ ) อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช , อดีตประธานสมัชชามหาคณิสสร , อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร