กว่าจะมาเป็นสีผึ้งสาริกาของหลวงปู่หงษ์

… กว่าจะมาเป็นสีผึ้งสาริกา…

ความเป็นมาของวิชาสีผึ้งสาริกา ของหลวงปู่หงษ์ มีความสำคัญมาก ส่วนผสมมวลสาร ที่มากมายหลายขนาน มีข้อจำกัดข้อห้าม การกวน การหามวลสารการทำพิธีพลีมวลสาร สิ่งที่ขาดไม่ได้แต่ละชิ้น ในการสร้างสีผึ้ง มิได้ทำกันทุกปี เพราะต้องอาศัยฤกษ์งามยามดี เป็นมหาเสน่ห์มหานิยม เป็นเพชฌฆาต ในการประหารโรคภัย เพราะวิชาสีผึ้งของหลวงปู่มิได้เป็นแต่มหาเสน่ห์มหานิยมเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นทั้งคงกระพันชาตรี รักษาโรคภัยไข้เจ็บ กันเสนียดจัญไร คุณไสยและอาคมคุณผี คุณคน ยาสั่ง ได้ทุกขนาน แม้กระทั่งนำไปจุนเจิมข้าวของ ก็ค้าขายดี เจิมบ้านเจิมรถ ได้หมดทุกประการ มวลสารที่ได้มาแต่ละอย่างก็หายากมิใช่น้อย ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ในการสร้างสีผึ้งของหลวงปู่ มีการกำหนดไว้ตามฉบับครูบาอาจารย์ อาทิเช่น การต้องใช้รังผึ้งหลวงที่ได้จากป่า มีขนาดที่กำหนด และขวางตะวัน เทียนมหามงคล 3 ประเภท เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ยกตัวอย่างเทียนพระวิปัสสี เป็นต้น ว่านยาต่างๆ คำหมาก และที่สำคัญอย่างยิ่งหลวงปู่กำชับไว้ทุกหนว่า ต้องเอาแผ่นยันต์ ที่เป็นแผ่นทองคำแท้และแผ่นเงินที่หลวงปู่เมตตาจารและประสิทธิ์ใส่ลงไปทุกครั้ง ก่อนที่จะทำพิธีกวนสีผึ้งนี้ ให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์จากครูบาอาจารย์ก็ดี จากฤทธิ์ของทนสิทธ์ก็ดี ฤทธิ์ของว่านยาก็ดี ทั้งพิธีในการกวน ก็ต้องมีการบอกกล่าว แม่ก้อนเส้าเตาไฟ ต้องกวนในพื้นที่ที่กำหนด มีราชวัตรฉัตรธง และการป้องกัน เพชรพญาธร หรืออำนาจที่จะทำลายพิธีกวนสีผึ้ง จึงต้องอาศัยพระพุทธคุณ อาศัยกำลังของครูบาอาจารย์และเทวดา อักขระเวทมนต์ต่างๆ มาประชุมพร้อมเพียงกันก่อนจะทำพิธี ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นข้อกำชับให้ทำอย่างเคร่งครัด ในทุกขั้นตอน ยังมีข้อกำหนดมากมายตั้งแต่เริ่มจากการนำเอากระทะใบบัวไปให้หลวงปู่ท่านเขียนยันต์ ลงอักขระไว้ที่ก้นกระทะ ต่อจากนั้นมาก็ลงยันต์ที่ไม้พาย ประกอบด้วยไม้รักตายพราย ไม้มะยมตายพราย กาฝากรักตายพราย จึงนำมาผูกรวมกัน ยอดด้ามไม้พายคือเศียรท้าวมหาพรหม งาแกะ ต่อจากนั้นหลวงปู่จารยันต์ลงบนแผ่นขี้ผึ้ง เขียนยันต์สาริกาด้วยแผ่นเงินใหญ่ และแผ่นยันต์ยอดมหานิยมเงิน มาประกบกัน แล้วถักด้วยลวดเพื่อวางไว้ก้นกระทะ จากนั้นเอากระทะไปตั้งที่เตาในมณฑลพิธีที่ก่อไว้ สุมด้วยไม้มงคล โดยมีก้านธูปบูชาครูของหลวงปู่มาเป็นเชื้อ เมื่อได้ฤกษ์เวลาหลวงปู่จึงได้อธิษฐานจิต จุดสุมเตาไฟ จากนั้นใช้รังผึ้งแท้, เทียนชัยรวบรวม, ตามด้วยน้ำมันหอม, เครื่องยา ประกอบด้วย ผงอิทธิเจ ผงปัทถะมัง ผงมหาราช ผงพุทธคุณ ว่าน ๑๐๘ เกสร ๑๐๘ ใส่น้ำมันจันทร์ ๓ ประเทศ ผงรวมหลายครูบาอาจารย์ แป้งเสก และนกสาริกางาแกะนับร้อยๆตัว ใส่ไปในกระทะ ท่านจึงได้คาย ชานหมากคำโต ที่เปรียบเสมือนยาดำ ลงกระทะ จากนั้นท่านก็จะกวนสีผึ้งโดยสวดพระคาถาเป็นปฐมฤกษ์ จึงส่งให้พระกวนต่อพร้อมในพิธีพุทธาภิเษก ตลอดงานท่านจึงลุกขึ้นเดินไปสู่ปรัมพิธี เพื่ออธิษฐานจิตวัตถุมงคลทั้งหลายในปริมณฑลพิธีครั้งนั้นๆ

จนต่อมาในครั้งหลังๆ ท่านก็ได้ให้นำเอาสีผึ้งที่หุงไปแล้วหลายๆครั้งมารวมหุงกันทับทวีขึ้น เพื่อเพิ่มความขลังและทำอย่างตั้งใจเสมอมา จนถึงครั้งสุดท้าย ท่านได้บอกว่าให้เอาหม้อใหญ่ๆมาหุง(หม้อแขก) เพราะอีกหน่อยจะไม่พอลูกศิษย์ไว้ใช้กัน

ปัจจุบันจึงเป็นไปตามคำพูดท่านที่เคยพูดไว้ว่า “อีกหน่อยจะหากันไม่ได้ ดีมั๊ก-มาก” จริงๆ

ถ้าจะให้กล่าวถึงประสบการณ์วัตถุมงคลของหลวงปู่ความจริงมีมากมายเกินกว่าทีจะกล่าวได้นะครับ แต่เป็นสิ่งที่รู้กันดีในหมู่ลูกศิษย์ของหลวงปู่หงษ์ครับ ซึ่งหลวงปู่ก็มักจะรีบตักเตือนอยู่เสมอๆๆว่ามีของดีแล้วห้ามคุย ไม่ว่าจะในเรื่องของโชคลาภค้าขาย เมตตามหานิยม หรือทางด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย เดี๋ยวถึงเวลาจะเห็นเอง ว่าดีอย่างไร …..เอวังก็ว่าด้วยประการฉะนี้

ที่มา…กองทุนปลูกป่าหลวงปู่หงษ์

… เคล็ดไม่ลับ สมัยโบราณ ผู้ศึกษาเรื่องไสยเวทย์ และมีอาคมกล้าแข็ง ท่านก็จะนำ สีผึ้ง แป้งร่ำ เครื่องหอม เหล่านี้ มาลงสรรพมนต์คาถาต่างๆ เพื่อให้นำไปใช้ในการเจรจา ติดต่อการงาน ทำให้เจ้าขุนมูลนายรักและเอ็นดู อีกทั้งเป็นเสน่ห์ เมตตา ผูกมัดจิต กับคนทั้งหลายอีกด้วย ขณะเดียวกันยังมีอุปเท่ห์ การใช้สีผึ้งด้วยว่า “เข้าหาขุนนางใช้นิ้วกลางทา เข้าหาสตรีให้ใช้นิ้วนางทา เข้าหาท้าวพระยาให้ใช้นิ้วชี้ทา จักมีเสน่ห์นักแล ” สีผึ้งจึงเป็นวัตถุมงคลที่มีอำนาจพลัง ดลจิตดลใจให้เมตตารักใคร่ เป็นมหาเสน่ห์มาแต่ครั้งโบราณ จวบจนปัจจุบัน สีผึ้งที่โด่งดังในสยามก็มีมากมายหลายพระเกจิอาจารย์ อาทิ สีผึ้งเขียวหลวงปู่ทาบ วัดกระบากขึ้นผึ้ง สีผึ้งหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน สีผึ้ง สีผึ้งหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ และ ยอดสีผึ้งในปัจจุบัน คือ สีผึ้งสาริกาหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

แชร์เลย

Comments

comments

Share: