พระอริยะสายโลกอุดร

พระอริยะสายโลกอุดร
ท่านก็เข้าดง ออกดง มาตามภาระหน้าที่ที่ได้มอบห มาย (ภูเขาควาย)เมื่อมีบุญสัมพั นธ์กับองค์ไหน หรือฆราวาสคนใด ก็จะได้เจอะเจอกันตามบุญสัม พันธ์ที่ได้ทำกันมา สำหรับผมก็มีบุญวาสนาได้พบ หลวงพ่อจิตติ ,ปู่โทน หลำแพร,หลวงปู่สรวง ,หลวงพ่ออุทัย ก็เป็นสายหลวงปู่เทพโลกอุดร ทั้งนั้น
บางองค์ก็ได้รับรู้แต่เรื่อ งราวของท่าน แต่ไม่มีบุญวาสนาได้เจอ ตามที่ปู่โทน เล่าให้ฟัง ก็มีหลายองค์
สำหรับ หลวงปู่ทองทิพย์ แห่งวัดป่าสีดาราม หนองคาย ก็ได้ยินเรื่องราวของหลวงปู ่ ว่ามีความเกี่ยวพันกันกับหล วงปู่เทพโลกอุดร ปฏิปทาของพระสายนี้จะค่อนข้ างอยู่เหนือโลก และออกจะแปลกๆสำหรับสามัญชน คนมีกิเลสอย่างพวกเรา ตอนผมพบหลวงปู่สรวง ตอนนั้น4โมงเย็น แล้ว ท่านยังฉันลำใยกระป๋องอยู่เ ลย สำหรับผม คิดว่า ท่านกำลังทดสอบกำลังจิต กำลังใจ เพราะระดับอริยสงฆ์แล้ว ท่านรู้วาระจิต ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ตลอด เวลา บางคนนำข้าวปลาอย่างดีไปถวา ยหลวงปู่ ท่านหยิบฉันคำเดียว แล้วโยนที่เหลือทิ้งหมด บางคนไม่เข้าใจ ก็ไม่พอใจว่าหลวงปู่ทำ ทำไม โดยไม่รู้ว่าท่านกำลังอุทิศ กุศลและแจกจ่ายให้กับเจ้ากร รมนายเวรให้อยู่
#########

หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตน โคตร
พระอาจารย์ของหลวงปู่ทองทิพ ย์ “พระฤๅษีกไลยโกฎิ” หรือคนแถบภาคอีสานจะเรียกท่ านว่า “ปู่ฤๅษีผ้าลาย” หรือ “องค์ผ้าลาย” ซึ่งอยู่ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว โดยท่านจะรับเฉพาะลูกศิษย์ท ี่เป็นเชื้อสายของพระโพธิสั ตว์เท่านั้น อย่างเช่นครูบาคำน้อย วัดภูกำพร้าอายุ 300 ปี และปู่บุญเหลือผู้สร้างศาลา แก้วกู่ จ.หนองคาย ก็เป็นลูกศิษย์ของท่านปู่ฤๅ ษีผ้าลายนี้เช่นกัน
และที่ภูเขาควายนั้นยังเป็น ที่ตั้งของ “ธรรมสภา” (ไม่ใช่เทวสภา) ซึ่งธรรมสภานี้จะอยู่ในถ้ำข นาดใหญ่อันลึกลับ ใช้เป็นที่ประชุมของพระอภิญ ญาเพื่องานค้ำชูรักษาพระพุท ธศาสนาจึงมีทั้งพระ ที่ยังมีชีวิตอยู่และพระที่ ละสังขารไปแล้วอยู่มากมาย เชื่อกันว่าพระอภิญญาที่ละส ังขารไปแล้วนั้นท่านก็ยังสา มารถอธิษฐานร่างกาย ขึ้นมาใหม่ได้ โดยผู้ที่พบเห็นสามารถจับมื อพูดคุยได้เหมือนคนธรรมดาทั ่วไป จนไม่สามารถแยกออกได้ว่าท่า นยังอยู่หรือสิ้นไปแล้ว

หลายท่านยังไม่ทราบว่าหลวงป ู่ทองทิพย์นั้นท่านเป็นพระพ ี่พระน้องกับหลวงปู่ เทพโลกอุดรมาหลายภพหลายชาติ ดังนั้นลูกศิษย์ที่อยู่อุปั ฏฐากหลวงปู่ทองทิพย์ที่วัดห ลายท่านจึงได้มีโอกาส พบกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งท่านมักจะแวะมาเยี่ยมเย ียนพระน้องชายของท่านอยู่เส มอ พระท่านหนึ่งที่อุปัฏฐากหลว งปู่ทองทิพย์สมัยที่ท่านนั้ นยังเป็น เณร ท่านเล่าว่าเคยได้มีโอกาสบี บนวดหลวงปู่เทพโลกอุดร แต่ตอนนั้นไม่รู้เพราะเห็นแ ต่เป็นพระหนุ่มผอมๆ เข้ามาเยี่ยมหลวงปู่ แต่เมื่อท่านกลับไปแล้วหลวง ปู่ทองทิพย์จึงบอกว่าพระที่ เณรบีบนวดรับใช้อยู่ นั้นแท้จริงแล้วก็คือหลวงปู ่เทพโลกอุดรซึ่งเป็นพระอภิญ ญาที่หลายๆ คนต่างอยากได้มีโอกาสพบเจอส ักครั้งในชีวิต

แม้แต่การที่หลวงปู่ทองทิพย ์ได้มาอยู่ที่วัดป่าสีดาฯ นี้ ก็ด้วยเป็นความต้องการของหล วงปู่เทพโลกอุดรที่ต้องการใ ห้หลวงปู่ทองทิพย์ได้ มาอยู่ประจำการเพื่อรักษาพร ะศาสนาในเขตอีสานเหนือนี้ โดยหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นผู ้พาหลวงปู่ทองทิพย์เหาะมาจา กภูเขาควายด้วยตัวของ ท่านเองทีเดียว เนื่องจากบริเวณวัดป่าสีดาฯ นี้เป็นสถานที่สำคัญที่พระพ ุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์จะต้องมาบำเพ็ญเพียร ซึ่งก็ผ่านมาแล้ว 4 พระองค์ ในอนาคตก็จะเป็นที่บำเพ็ญเพ ียรของพระศรีอาริย์ (สถานที่จริงจะอยู่ลึกลงไปเ ป็นชั้นๆ ตามกฏที่ว่าเมื่อหมดหนึ่งพุ ทธันดรแล้วแผ่นดินจะสูงขึ้น 1 โยชน์)
เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมเ หล่าลูกศิษย์ของหลวงปู่ทองท ิพย์จึงเคารพรักท่าน มาก สงสัยกันไหมครับว่าทำไมชื่อ ของท่านคือ “คำศรี รัตนโคตร” ทำไมตอนท่านบวชใหม่ๆ แล้วธรรมะไม่ก้าวหน้าจนท่าน เปรยๆ ขึ้นว่าอยากจะสึกก็เกิดมีเส ียงค้านลงมาจากท้องฟ้าว่า “พระศรี (อาริย์) ห้ามสึก” ทำไมท่านจึงเป็นพระองค์เดีย วที่มีผู้นำแหวนมาสวมที่นิ้ วทั้ง 10 ของท่านได้ เคยดูรูปของพระศรีอาริย์ที่ มีแหวนสวมทั้ง 10 นิ้วว่าเหมือนกันไหม ทำไมหลวงตายี วัดดงตาก้อนทอง ผู้แสดงการยืดเหรียญบาทได้ (หนึ่งในลูกศิษย์ของหลวงปู่ เทพโลกอุดร) จึงนำพวกลูกศิษย์ของท่านมาก ราบหลวงปู่ทองทิพย์แล้วบอกว ่าพระองค์นี้คือ “พระศรีอาริย์”

###$###
วัดสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคต ร
บ้านสีทายเหนือ อ.เมือง จ.หนองคาย
อายุ 111 ปี มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2544

ประวัติของหลวงปู่ ไม่มีใครรู้รายละเอียดและเป ิดเผยได้ เพราะขณะที่ท่านยังมีชีวิตอ ยู่ ท่านไม่ให้สัมภาษณ์ ห้ามถ่ายรูป และลงเรื่องราวต่างๆ ของท่านในนิตยสารใดๆ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม

นักรบธรรมได้รายละเอียดจากอ าจารย์ว่า ท่านคือพระเถระโพธิสัตว์เจ้ าองค์หนึ่งท่านลงมาทำงานด้า นศาสนาและเชื่อมแผ่นดินสองฝ ั่งโขงให้คนมีความเป็นน้ำหน ึ่งใจเดียวกัน ก่อนที่จะพ้นคำสาบแช่งของนา ยศรีโคตรท่านได้ให้ความช่วย เหลือและประสานงานให้ชายคนห นึ่งกับกลุ่มชาวพญานาคในโลก บาดาลแถวลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีหลวงปู่ศรีสุทโธเป็นหั วหน้า เพื่อฟื้นฟูศาสนาและศิลธรรม ในดินแดนล้านช้างหลังจากการ เข้าครอบงำของลัทธิสังคมนิย มในปีพ.ศ.2518 เป็นต้นมา จนกระทั่งเมื่อพ.ศ.2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเปิดสมานมิตรภาพไทย -ลาวเป็นปฐมฤกษ์ บ่งบอกถึงเวลาอันสมควรที่จะ ต้องลงมือปฏิบัติงานตามหน้า ที่แต่ละคน ซึ่งรู้กันเองโดยไม่ต้องมีใ ครคอยบอก

ก่อนที่หลวงปู่เราจะมรณะภาพ นั้น ท่านได้สละวิชาทั้งหมด ทิ้งฤทธิ์เดชทั้งหมด
มีลูกศิษย์ที่เป็นมาร เมื่อไม่ได้วิชาจึงทำของใส่ หลวงปู่
ครั้งแรกหลวงปู่รอดได้เพราะ เพื่อนพระที่เป็นผู้ถอดกายพ ันปีเหมือนกัน อยู่ที่วัดบ้านเหล่าใหญ่
คือหลวงปู่อ้อยวัดภูน้อยเทพ นิมิต อ.กุฉินารายณ์ กาฬสิน
หลวงปู่ทองทิพย์ทราบด้วยฌาน จึงให้ลูกศิษย์ไปนิมนต์มาพบ

เมื่อมาพบแล้วด้วยหลวงปู่อ้ อยมียาลักษณะเหมือนเขากวางป ะการังไปเหน็บในเอวของ
หลวงปู่ทองทิพย์ ของที่ทำมาครั้งแรกจึงออก หลวงปู่อ้อยนิมนต์ให้หลวงปู ่ทองทิพย์กลับ
มาใช้ฤทธิ์เหมือนเดิม แต่หลวงปู่ทองทิพย์ไม่รับนิ มนต์

ครั้งสุดท้ายหลวงปู่ทองทิพย ์ มีลูกศิษย์พระคนเดิม คนที่อยู่หนองคายนั่นแหละเอ าไอติมให้ฉัน หลวงปู่ทองทิพย์
เองก็รู้ว่าไอ้นี่ใส่ของให้ กูกินอีกแล้ว แต่ก็ฉันด้วยความปลงในกรรมเ วรนี้
พอฉันเสร็จ ท่านก็เรียกลูกศิษย์คือหลวง พี่สอน หรือหลวงปู่เหมอ มารับไปอยู่ที่วัดบ้านนาบั่ ว อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนมาท่านบอก

“สอน..ไปหาเรือมา..พ่อจะนอน ในเรือ.”

หลวงปู่เหมอจึงนั่งคิดว่าเอ ..แล้วเราจะไปหาเรือมาจากไห น มาให้พ่อเรานอนกันหนอ..
จึงไปติดต่อซื้อเรือมาจาก อ.ธาตุพนม ซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณ 7-8 กิโลเมตร จะขอซื้อ
ลำหนึ่ง 10,000 บาท แต่ชาวประมงไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขาย
หลวงปู่เหมอจึงกลับมาที่วัด จุดธูปบอกหลวงปู่ทองทิพย์ว่ าคงไม่ได้เรือเพราะเขาไม่ขา ย และโทรบอกหลวงปู่ทองทิพย์ตอ บเที่ยง หลวงปู่ทองทิพย์หัวเราะแล้ว บอก..

“พรุ่งนี้มันก็เอามาให้เอง. ..”

รุ่งเช้าอีกวันเป็นวันที่หล วงปู่ทองทิพย์จะมาวัดแล้ว หลวงปู่เหมอยิ่งร้อนใจ..ประ มาณเที่ยงๆ
ชาวประมงคนนั้นได้ขี่รถมาบอ กให้หลวงปู่เหมอไปเอาเรือเล ย ให้ฟรีๆ หลวงปู่เหมอแปลกใจมาก
จึงถามว่าทำไม?

ชาวประมงบอกว่าผูกเรือล่ามโ ซ่เอาใว้ แต่หลุด เรือแล่นทวนน้ำโดยไม่มีคนนั ่งเลย..
แล่นทวนน้ำมาจาก อ.ธาตุพนมทวนน้ำโขงขึ้นมาจน ถึงสามแยกหน้าทางเข้า อ.เรณูนคร
เป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ขณะนี้ลอยอยู่กลางน้ำโขงไม่ กล้าเข้าไปเอา..
หลวงปู่จึงจ้างรถไปจุดธูปบอ กกล่าว เรือนั้นก็หันหัวเข้ามาหาฝั ่งเอง
พอมาถึงวัด พอดีกับหลวงปู่ทองทิพย์มาวั ดพอดี เรือกลับไม่ยอมลงจากรถ เอาคนลาก 6-7 คน
ก็ไม่ขยับ จึงเดินไปบอกหลวงปู่ทองทิพย ์ที่รถตู้ หลวงปู่จึงให้จุดธูปบอกอีก คราวนี้พอดึงเรือ
เรือนั้นก็ไหลลงจากรถ แล้วไถลยาวมาประมาณ 20 เมตรมาจอดตรงกลางศาลาเลย เป็นที่น่า
อัศจรรย์กับลูกศิษย์ที่มาช่ วยกันยกมาก

เนื่องด้วยหลวงปู่ทองทิพย์ไ ม่เดินเหยียบดิน หลวงปู่เหมอจึงอุ้มท่านลงมา นอนใว้ที่เรือ
หลวงปู่ทองทิพย์ท่านรู้วาระ ตัวเอง จึงบอกเป็นนัยๆว่า ถ้าหลวงปู่เหยียบพื้นดินตรง ไหน ตรงนั้นจะ
มีของวิเศษแปลกๆ ออกมามาก บ่อเงิน บ่อทองของหลวงปู่ก็จะไหลมาร วมกันตรงนั้น

หลวงปู่เหมอก็ไม่ขอซักทีจะว ันที่ 7 วันสุดท้าย หลวงปู่เหมอนึกได้ว่าท่านเค ยบอกใว้ว่าแม้แต่
อุจจาระของท่านก็จะกลายเป็น ทองคำ หลวงปู่เหมอจึงนิมนต์หลวงปู ่ทองทิพย์ว่าขออุจจาระ
เพราะหลวงปู่ทองทิพย์ท่านไม ่ถ่ายมานานแล้วประมาณ 4 เดือนไม่รูท่านอยู่ได้ยังไง จึงอยากขอดู

หลวงปู่ทองทิพย์ท่านจึงให้ไ ปเอาถังเหลือง สังฆทานมาถ่ายให้ ปรากฎว่าถ่ายได้เกินครึ่ง ของถัง
สังฆทาน แต่ไม่เหม็นเลย ย้ำไม่มีกลิ่นเหม็นเลย พอถ่ายเสร็จหลวงปู่เหมอจึงป ระคองท่านลงมาจากเรือมาทำคว ามสะอาด หลวงปู่ทองทิพย์จึงเหยียบดิ น ณ.ที่ตรงนั้น หลวงปู่เหมอจึงพูดยิ้มๆ
ว่า พ่อหลงกลผมแล้ว พ่อเหยียบดินของผม หลวงปู่ทองทิพย์ก็หัวเราะ..

วันที่ 8 ท่านกลับวัดที่ หนองคายจึงมรณะภาพไปด้วยควา มสงบ
เพราะไอติมนั้น

..ผู้เป็นอริยะท่านไม่ใช้ฤท ธิ์หนีเวรกรรมอย่างนี้เอง.. ((คัดลอกจากชีวประวัติปฏิปท าของหลวงปู่ทองทิพย์))

แชร์เลย

Comments

comments

Share: