ช่วงนึงสมัยหลวงป๋าอยู่กุฏิ9

ChokChai Kittiyanpanya

18 ชม.  ·

ช่วงนึงสมัยหลวงป๋าอยู่กุฏิ9 ช่วงบ่ายๆหลวงป๋าก็มาต้อนรับญาติโยมที่วิหารกลางน้ำ สมัยนั้นท่านจะนำพระที่ท่านเก็บไว้เอามาใส่ตู้ให้ญาติโยมร่วมบุญแล้วรับเป็นพระของขวัญไป (แต่มาทราบตอนหลังว่า มีหลวงพี่ไปขอท่านมาใส่ตู้)
สมัยนั้นช่วงบ่ายๆท่านได้พักบ้างท่านก็จะมานั่งให้ศีลให้พร ใครจะมาขอรับพระจากมือท่านก็มาพร้อมๆกันช่วงบ่าย
วันนั้นในตู้ มีพระจตุคามของหลวงป๋า (ที่ตอนนี้กำลังหาๆกันอ่ะแหล่ะครับ) หลวงพี่ที่ดูแลก็กระซิบว่า พระนี่ของหลวงป๋า ท่านเก็บไว้ในกุฏิ สนใจมั้ย ไอ้เราก็สนใจ เลยรับมา พระใส่กล่องกำมะหยี่อย่างดี ดูเก่าและก็ขลัง ก็ยื่นออกไปตอนหลวงป๋าประสิทธิ์ให้ท่านก็มองลงมาที่พระ แต่ไม่พูดอะไร ท่านก็ประสิทธิ์ไป เสร็จปุ๊บท่านก็พูดประมาณ พระรุ่นนี้ยังมีอยู่รึ (ในใจนี่แปร้วเลย แบบ อ้าว หลวงพี่ ไหงหลวงป๋าไม่รู้หล่ะนั่น ก็หันไปมองหน้าหลวงพี่) หลวงพี่ก็บอกหลวงป๋า “ก็เอามาจากกุฏิหลวงป๋าไงครับ เอามาให้ญาติโยมเอาไปบูชา” หลวงป๋าก็เออๆ ไปเอามาตอนไหนนะ ถัดจากนี้ก็จำไม่ค่อยได้แล้วในเนื้อหา ประมาณว่าหลวงพี่ไปทำความสะอาดกุฏิหรืออะไรเนี้ยะ เลยไปค้นเจอ แล้วก็บอกหลวงป๋าไว้ หลวงป๋าท่านอาจจะยุ่งๆอยู่เลยอนุญาตไป ฮ่าๆๆๆ
หลวงป๋าท่านก็ถามว่า มีอีกมั้ย หลวงพี่ก็บอกว่ามีเป็นกล่องๆเลยครับ หลวงป๋าท่านจึงบอกให้เอามาให้ญาติโยมเอากลับไปติดตัว
ถึงตอนนี้ ท่านก็บอกประมาณว่า สมัยนั้นนิยมพระองค์ใหญ่ๆแบบจตุคาม วัดเราทำเล็กๆก็เดี๋ยวไม่นิยม ก็ทำทรงขนาดให้พอๆกับจตุคามนั่น ทำมาก็เอาไปเก็บกัน ไม่เอามาพกติดตัว แล้วท่านก็เล่าถึงมวลสารต่างๆ เยอะแยะไปหมด ที่จำได้เรื่องนึงคือท่านบอกว่า มีผงหลวงปู่โตขนาดเท่าข้อนิ้ว(นิ้วไหนจำไม่ได้ไม่ก้อยก็หัวแม่มือ) แล้วท่านก็บอกว่า แค่นี้เนี้ยะไม่เรียกว่าน้อยแล้วนะ หาไม่ได้แล้วนะ แล้วท่านก็ย้ำสุดท้ายว่า พระรุ่นนี้ป๋ารับประกันว่าไม่ด้อยกว่ารุ่นดังๆที่มีอยู่ตอนนี้ จะบอกว่าดีกว่าทุกรุ่นก็ไม่ได้ ไม่ควรนะ
จากนั้นอาทิตย์ไหนก็ไม่รู้ ก็ไปรับศีลรับพรท่านช่วงบ่ายที่ศาลากลางน้ำเหมือนเดิม มีพี่ท่านนึงก็ถามหลวงป๋า ถามกันยังไงไม่รู้ วนมาเรื่องพระ ถามหลวงป๋าว่าพระหลวงป๋าเยอะแยะจะห้อยองค์ไหนดี ตามคาด หลวงป๋าก็ตอบว่าดีทุกองค์ แล้วพี่ท่านนั้นก็คะยั้นคะยอถามเพื่อให้หลวงป๋าตอบแบบเจาะจงมากขึ้น จนสุดท้ายสรุปมาว่า ท่านแบ่งพระที่ท่านสร้างเป็น 3 ประเภท
เนื้อผง ท่านว่า พิมพ์จตุคามนี่ สุดๆ
พระกริ่ง ท่านก็ว่า สัมมาอรหัง
แล้วที่เป็นกายสิทธิ์ ท่านยกให้คตขนุน
แล้วมีคนถามว่า แล้วพระชัยวรมันหล่ะครับ ท่านตอบประมาณว่า นั่นเขาดีเลิศของเขาอยู่แล้ว แล้วมีคนพูดแทรกแบบว่า เป้นพระประจำตัวก็ดีอะไรประมาณนี้ ท่านก็ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร
แล้วพิมพ์จตุคามนี่ ท่านพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย แต่เป็นพิมพ์ที่ฝังกายสิทธิ์เป็นองค์ๆไปเลย ตอนนี้ที่ประชาสัมพันธ์ก็ยังมีอยู่ ตอนนั้นดูแบบเร็วไปจำไม่ได้ว่ากายสิทธิ์ที่ฝังเป็นพระพิมพ์อะไรนะครับ
ตอนหลังมี ฉกษัตริย์ มาเพิ่ม ที่ได้ยินจากปากท่านคือ ท่านพกกริ่งสัมมาฯไปไหนมาไหนตลอด(เนื้อทอง) พอมีฉกษัตริย์ ท่านบอกว่าท่านพกฉกษัตริย์สลับกับเนื้อทองนะครับ เรื่องนี้ฟังตอนท่านย้ายมากุฏิรับแขกใหม่
นึกถึงบรรยากาศสมัยนู้น ตอนไปนั่งฟังท่านเล่านู้นนี่ให้ฟัง มันอบอุ่นใจดีจริงๆครับ จบดีกว่า
ขออนุญาติใช้จตุคามแทนพระธรรมกายชัยมงคล กับพระจักรพรรดิ์ชัยมงคลนะครับ เพราะน่าจะพิมพ์ชื่อยาว

แชร์เลย

Comments

comments

Share: