พระขรรค์ เหล็กไหล หลวงป๋า

พระขรรค์ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เป็นพระขรรค์ยุคแรกๆ(2541- 2546) ของหลวงป๋า ขนาดยาว7นิ้ว ไม่มียันต์พุฒิซ้อน เนื้อทองท้องปลาไหล พระขรรค์สีทองเล่มนี้ อัญเชิญมาในยุคปี 2546 ผมจำความได้ว่า ในขณะนั้น ทางวัดได้นำพระกริ่งสัมมาอรหัง ขึ้นให้ญาติโยมบูชาที่ประชาสัมพันธ์ และก็เป็นครั้งแรก ที่ได้มีโอกาสเห็นพระขรรค์สีทอง สวยงามแบบนี้ ขึ้นให้บูชาบนประชาสัมพันธุ์ พระขรรค์ในยุคก่อนหน้านี้ มักจะเป็นสีเงินยวงเป็นหลัก ก็จะมีบ้าง บางเล่มที่เป็นสีเมฆพัตร แต่พระขรรค์สีเมฆพัตร ยุคแรกเริ่ม เมื่อใช้ไปนานๆ สีผิวนั้น ก็จะซีดลงบ้าง ลอกออกบ้าง ในยุคนั้นผู้บูชาจึงนิยมพระขรรค์ ที่เป็นสีเงินยวงเสียมากกว่า ส่วนพระขรรค์สีทองเล่มนี้ ข้าพเจ้าได้ถามกับคณะ ผู้ช่วยในการอัญเชิญพญาเหล็ก ท่านได้ให้ข้อมูลว่า พญาสีทองยุคนี้ เป็นยุคที่หลวงป๋า อธิษฐานมาให้ไม่ลอก ซึ่งต่างจากยุคก่อนๆ พระขรรค์สีทองจึงเริ่ม เป็นที่นิยมตั้งแต่ปี2546 เป็นต้นมา

คติการสร้างพระขรรค์ หรือเทพศาสตรานั้น มาจากคติการให้อำนาจ ของราชาแห่งทวยเทพ พระขรรค์คืออาวุธที่อาญาสิทธิ์ ของพระราชา พระขรรค์หรือดาบอาญาสิทธิ์นั้น เปรียบเสมือนอำนาจของพระราชา ที่มอบให้กับบุคคลสำคัญ พระอาทิตย์เทพบุตรผู้ส่องสว่างในตอนกลางวัน ก็ขี่สิงห์และมีอาวุธเป็นพระขรรค์ พระจันทร์เทพบุตร ผู้ส่องแสงนวลในยามกลางคืน ก็มีพาหนะเป็นม้าและก็ถือพระขรรค์เป็นอาวุธ กล่าวได้ว่าพระขรรค์ ลักษณะของอาวุธ ของเทพผู้เป็นใหญ่ และเป็นอาวุธของเทพ ซึ่งเป็นบริวารของทวยเทพผู้ทรงธรรม อีกทั้งพระขรรค์ยังเป็นอาวุธสำคัญ ประจำกายพระจักรพรรดิ(จักรพรรดิรัตนะ7) โบราณจารย์หลายท่าน หลายสำนัก ได้สร้างวัตถุมงคล ในรูปลักษณ์ของพระขรรค์ เพื่อให้เป็นเครื่อง ปัดเป่า ป้องกัน ภยันอันตรายและอุปสรรค์ต่างๆ กับผู้อธิษฐานใช้ เป็นต้นว่า ภยันตราย ที่เกิดจากคน หรือมนุษย์ภูติผี ภยันตรายที่เกิดจากสัตว์ดุร้าย สัตว์คุ้มคลั่ง สัตว์มีพิษ สัตว์มีเขี้ยวงา อุปสรรคจากคลื่นลม ฯลฯ ในครั้งโบราณนานมา มักใช้พระขรรค์ ชี้ไปในทางที่จะเดินทางไป เพื่อขจัดอุปสรรคที่ไม่ดี เช่นการเดินทางกลางคืน ก็อธิษฐานและชี้ไปในทางที่จะเดิน เพื่อกันงู สัตว์มีพิษ สัตว์ร้ายให้หลบไป หรืออธิษฐานชี้ไปในที่ๆ มีอมนุษย์สิงอยู่ เพื่อให้พวกเขากลัว ด้วยว่าเรามีคุณธรรมที่สูงมีใจบริสุทธิ์ ถูกคุ้มครองด้วยอำนาจครูบาจารย์ และเหล่าเทพผู้ทรงธรรม รวมถึงใช้พระขรรค์นั้น ชี้ไปสู่บุคคลที่ปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อเราได้ เพื่อให้เขากลับตัวกลับใจ ไม่ปฏิบัติสิ่งใดที่เบียดเบียนเรา

ในช่วงปี2542 ขณะที่ผมเป็นสามเณรภายในวัด เคยได้ยินหลวงป๋า สอนให้โยม อธิฐานใช้พระขรรค์ ซึ่งเป็นกรณี มีบุคคลคิดร้ายต่อกัน ใช้อำนาจเบียดกัน หลวงป๋าท่านบอกว่า ให้สวดคาถาตามใบคาถาที่แจกไปให้ โดยเริ่มต้นสวด จากบทที่เป็นการ เรียกอักขระก่อน และสวดบท คาถาพญาเต่าเรือนของหลวงพ่อเดิม พร้อมทั้งใช้พระขรรค์ ชี้ไปที่รูปเขาก็ได้ ลายเซ็นต์เขาก็ได้ ทิศที่เขาอยู่อาศัยก็ได้ คือไม่จำเป็นต้องไปชี้ใส่หน้าเขานะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเป็นราวต่อกันอีก ชี้ใส่สิ่งแทนตัวตัว แล้วอธิษฐานให้เขากลับตัวกลับใจ เบิกเบียดเบียนกัน หากเขาไม่กลับตัวกลับใจ ก็ขอให้เกิดอุปสรรคต่อตัวเขา จนไม่สามารถเบียดเบียนเราได้ หากเขาดึงดัน ปราถนาที่จะรบกวน หรือราวีเราอยู่ ก็ขอให้เขาแพ้ภัยตนเอง (พินาศย่อยยับ ด้วยกรรมที่เขาก่อ) โดยคาถาที่ท่านให้ไว้ ก็มีดังนี้ครับ

คาถาเรียกพยัญชนะ

อรรถโถอักขระสัญญาโต อรรถะแห่งพระบารมีทั้งหลาย อาจารียจึงหมายด้วย

อักขระอักขรา ปฏิโยเอกะจัตตาฬิสัง วรรณะทั้งหลาย ๔๘ ตัว มี ร-ร เป็นต้น มี ร-รํ เป็น ที่สุด

คือ อังนิคคะหิตตัง ปรัสสะปัญญา ปะโยเค นําพยัญชนะตัวต้นเข้าสู่สระ ไหว้พยัญชนะโหนต่ำ ไหว้สระโหนบน สะราสะเรโรปัง มีสระโหนปลาย ลบสระโหนต้นเสีย วาปะโรอัสรูปา แด่หน้าสระ อันมีรูป บ่มีเสมอกัน ปฏิสนธิกับเปธุติโย กันโดสัมภะโว จงมาบังเกิดเป็นเจ้าแม่ธรรมชาติพญาเหล็ก

นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ

สัมภะโว จงมาบังเกิดเป็น นะ นะ กาโร โหติ

สัมภะโว จงมาบังเกิดเป็น โม โม กาโร โหติ

สัมภะโว จงมาบังเกิดเป็น พุท พุท กาโร โหติ

สัมภะโว จงมาบังเกิดเป็น ธา ธา กาโร โหติ

สัมภะโว จงมาบังเกิดเป็น ยะ ยะ กาโร โหติ

จุดบรรจบครบองค์ธาตุ อาโป วาโย ปฐวี เตโช เบ่งรัศมี ๘ ทิศ

ทิศที่หนึ่งอุตตโลก ทิศที่สองพรหมโลก ทิศที่สามเทวโลก ทิศที่สี่มนุษยโลก

ทิศที่ห้าบูรพามนุษยโลก ทิศที่หกอุดรมนุษยโลก ทิศที่เจ็ดทักษิณมนุษยโลก ทิศที่แปดยมโลก

ขจัดเป็นทิศที่มีความสําคัญ เรียกว่า นะ-อิ-อะ-ทะ-อะ-นะ-อิ อิติปิโสภะคะวา

อาศัยแห่งเทพยุดา จึงปาฏิหารย์ เป็นดอกบัวทั้งเจ็ด ปฏิสนธิกับเปธุติโยกันโดสัมภะโว บังเกิดแล้ว ปฏิสนธิ

สวดคาถานี้จบ แล้วระลึกนึกถึง เทพยาดา ที่ดูแลพญาเหล็ก และเทพยาดาผู้สถิตย์ในพญาเหล็ก ให้มาปกปักษ์รักษา แล้วต่อด้วยพระคาถาพญาเต่าเรือน ของหลวงพ่อเดิมครับ

คาถาหลวงพ่อเดิม พุทฺธสโร จากโยมปู่สุทัศน์ โตทวี ลูกศิษย์หลวงพ่อเดิม พุทธสโร

• อิติ อรหัง สุคโต พุทธสโร เดิม นามเต อาจริโย เม ภันเต อายัสมา อาจริโย เม ภันเต โหหิ ฯ

• นะผิด โมเพื่อน พุทธเลื่อนเปื้อน ธาเพือนหัวใจ ยะหลงใหล ธาเคลิ้มงวยงง ยะวังเวงสูญเปล่า นะเคลิ้มเคลื่อน สังให้สะเทือนหัวใจ สิหลงใหลไปมา โมวังเวงสับสน นะเข้าในใจดล สังบังเกิดในใจคน มีแล้วสูญไป ชิวหาอย่าได้มาประจักษ์แก่ตา โมเดชเดชะฤทธา เจ้าพระยาเต่าเรือน สังให้สะเทือนเพือน สิ้นทุกคน อิสวาสุ มะอะอุ ภควานาโถ นะโมพุทธายะ นะปิดปาก โมปิดใจ พุทธทะลายสูญ ฆเฏสิ ฆเฏสิ กิงกะระนัง อหังปิตัง พุทธชานามิ ธัมมชานามิ ธัมมชานามิ สังฆชานามิ อัตถะอะ ฉิบหาย สวาหะ สวาหาย สวาสูญฯ

(พระภาวนาวิสุทธิคุณ) เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม พ.ศ.2541

การอธิษฐานใช้พระขรรค์ของหลวงป๋า ก็สามารถอธิษฐานใช้แบบที่กล่าวมา ในข้างต้นได้เลย หากว่าเรามีใจที่เป็นธรรม ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิแล้วไซร้ อุปสรรคต่างๆ ก็จะหมดไป แต่หากเราจิตใจทุจริต ไม่เป็นธรรม ไม่มีความถูกต้อง แล้วอธิษฐานใช้ ในทางมิชอบ โทษก็ไม่บังเกิดต่อตัวเราหรอก แต่อุปสรรคนั้น ก็ยังจะอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้จางหายไป และด้วยความที่เรา จิตใจไม่ดีนั่นแหละ จะบั่นทอนความเจริญของเราเอง

พระขรรค์เล่มนี้แท้และทันหลวงป๋าแน่นอนครับ ท่านใดสนใจบูชาต่อ สามารถทักแชตเข้ามาสอบถาม และพูดคุยกันได้ครับ หรือจะโทรมาก็ได้นะครับ 096-

แชร์เลย

Comments

comments

Share: