พระผงพระของขวัญ ฯ ยุคต้น ซุ้มปราสาท

สมัยนั้นการสร้างพระผง ของวัดหลวงพ่อสด ฯในสมัยที่ยังเป็นสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย อยู่นั้น แทบไม่มีใคร มาคิดว่าพระที่หลวงพ่อและหลวงป๋า แจกให้เป็นรุ่นอะไร …สร้างจำนวนเท่าใด พุทธาภิเษก …วันไหน ? อย่างไร ? …… ไม่ได้มีในบรรยากาศ ในสมัยนั้น สิ่งสำคัญของวัดคือ การปฏิบัติภาวนา ของ ศิษย์ ทั้งภิกษุ. สามเณร. อุบาสก อุบาสิกา. สาธุชนต่างๆ. ที่เข้ามา ด้วยจุดหมายหลัก เรียกได้ว่า เก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือการภาวนา ให้ถึงปฐมมรรค ไปจนถึงได้ธรรมกาย มีเรื่องนี้คือหัวใจหลัก แม้แต่ตัวผมเอง และพี่ๆน้องๆที่ร่วมกันเข้ามา เจอกันด้วยลมหายใจเดียวกัน ……แต่สิ่งที่เป็นของขวัญ ที่ท่านมอบให้ …สำหรับศิษย์ทั้งหมดที่ร่วมสร้างบารมีกับท่าน คือพระ …ท่านพูดเสมอว่า …ไม่มีอะไรที่จะให้หรอกสำหรับป๋า นอกจากตอบแทนกันในฐาน่ะพระ …ก็มีน้ำมนต์ กับพระนั่นล่ะ เห็นว่าดีที่สุดแล้ว …
การสร้างพระของขวัญ ของวัดจึงเกิดมีขึ้นมาตลอด …และเป็นหน้าที่ๆไม่ต้องร้องขอ ที่บรรดาพระ …อุบาสก คณะศิษย์ต่างๆ ต่างยินดีที่จะมีส่วนร่วมสร้างบุญ ฯ ร่วมสร้างบารมีกับหลวงพ่อ และหลวงป๋า … การสร้างจึงมิได้มอบหมายหน้าที่ให้ใครผูกขาดเป็นการแน่นอน เพราะงานในวัด สมัยนั้น ขาดแคลนบุคลากรทุกคน ต้องทำเป็นทุกอย่าง …ขุดดินขนของ ปลูกต้นไม้ กางกลด ล้างห้องน้ำ ไปจ่ายตลาดกับคุณยายแม่ชี อะไรเป็นงานต้องทำทั้งหมด ไม่มีใครเกี่ยง. และรวมถึงช่วยตำเนื้อพระ กับพระและลุงอุบาสกที่รับหน้าที่ ………แต่ท้ายสุด …ทุกคนต้องภาวนา ฯ เป็นเรื่องหลัก … ภาวนาให้เป็น ถ้าทำไม่ได้ ทำไม่เป็น …ท่านจะบอกว่า. ประมาท …ยังใช้ไม่ได้ ทำได้แต่งานหยาบ. ภาวนาล้มเหลว งานของตนเอง ยังทำไม่ได้ ยังทำงานละเอียดไม่ได้ ถือว่ายังไม่สมบูรณ์. …… แต่การตำหนิ ถึงจะมีแต่ท่านก็ไม่ได้ดุอะไร คอยให้กำลังใจอยู่เสมอๆ …… จนแต่ละคนก็พอจะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงตามๆกันไป ตามวาสนาที่สั่งสมมา

ในการเสกพระ ตามแนววิชชาธรรมกายนั้น ถ้าเป็นคน ที่เป็นลูกศิษย์เก่าๆและเข้าใจวิชชาฯของท่านที่ถ่ายทอดจริงๆ แล้ว ที่ผ่านมา 36-37 ปีที่ผ่านมา ได้รับรู้ถ่ายทอดมานั้น ท่านไม่เคยพาทำพุทธาภิเษกเลย ในยุค2526-27. นั้น พระจะตากผึ่งให้แห้ง และเก็บเข้าลังกระดาษ ซ้อนๆกันไปเพื่อรอ วันที่หลวงพ่อภาวนาฯ (หลวงพ่อพระราชพรหมเถร) มาต่อวิชชาชั้นสูงให้ วันนั้นจะเป็นวันซ้อนวิชชา (คำเรียกกันในหมู่ศิษย์) …ท่านจะซ้อนวิชชา ~เจริญวิชชา เสร็จ แล้ว ก็ต่อวิชชาให้ในภาคบ่าย ให้กับเหล่าศิษย์ที่ผ่านการเดินวิชชานับแต่สิบแปดกาย สับกาย ซ้อนกาย พิสดารกาย. ซ้อนสับทับทวี จนถึงอายตนะนิพพาน…ขอรัตนะเจ็ด……จนครบเรียบร้อย -จนชำนาญแล้วเท่านั้น จึงจะเดินวิชชาตามท่านทัน …คือสามารถ ทำตามท่าน. และเดินวิชชาตามทันที่ท่านสอนได้ …ไม่เช่นนั้น ก็ไปนั่งฟังบื๊อๆ …โก้ๆ ไม่ได้ความอะไร …ไม่ทันฝุ่นท่านหรอก (. หลวงป๋าท่านพูดว่า…ไว้อย่างนั้น ……)

ท่านเคยพูดให้ฟังว่า … การซ้อนวิชชาในพระนั้น ไม่เหมือนการซ้อนให้กับกายสิทธิ์น่ะ ในส่วนรายละเอียดที่พอจะเปิดเผย ไม่เสียมารยาท ไม่เป็นการเกินเลยไป จนเสียมารยาทจริยาของผู้ปฏิบัติภาวนา -จะกล่าวในคราวหลัง( ท่านพูดน้อย. เวลาถาม สงสัยอะไร ต้องตั้งสติ ระวัง และพิจารณาให้ทันท่าน …ถ้าไม่อย่างนั้น ท่านกลับไปแล้ว บางคนยังนั่งโง่ นั่งงง อยู่ตรงนั้นอีกนาน )… พระที่เราซ้อน เจริญวิชชา ฯ เป็นของเป็นไม่มีเสื่อม เพราะเดินวิชชาทับทวีอยู่ตลอด จนกว่ารูปที่ตั้งไว้จะละลาย. แยกธาตุ แยกธรรม ออกไปหมดนั่นล่ะ ก็หมดกันแค่นั้น ……วัดปากน้ำไม่ได้ใช้คาถาอาคมน่ะ …หลวงพ่อใหญ่ (หลวงปู่สด ) ท่านใช้การเจริญภาวนาล้วนๆทับทวี อาราธนาเอาพระพุทธเจ้าองค์ที่ละเอียดไปองค์ต้นๆ. ให้ท่านมาทำ ข้าก็ทำตามวิธีของท่านตลอด …เดินเครื่องเข้าไปจนสุดละเอียดล่ะ เดินวิชชาเป็นไม่ขาดสาย. ทับทวีตลอด …เครื่องมันติดแล้ว ไม่มีดับ ผมเคยถามท่านว่า อ่าว …หลวงพ่อ แล้วถ้า คราวหน้า พระผงพิมพ์เดิม ที่ยังตากไว้ไม่แห้ง ไม่ได้เอามาให้หลวงพ่อทำในครั้งนี้ หลวงพ่อทำคราวหน้าจะศักสิทธิ์เท่ากันไหมครับ …?? ? ท่านก็หัวเราะออกมา บอกว่า เอ็งไม่ต้องยกมาก็ได้ ถ้าเอ็งบอกข้า. เดี๋ยวข้าไปตามทำให้เอ็งทีหลังข้าก็ทำได้ ……แล้วก็หัวเราะชอบใจ …………ทำได้ไม่ต้องห่วง …… ท่านพูดขนาดนี้เลย………ผมจำได้แม่นเลย ……… ถ้าเข้าใจวิชชาฯแล้ว จะเข้าใจการทับทวี วิชชา ว่า ไม่มีองค์ไหนที่อธิษฐานเอาเข้ามาแล้วไม่ได้เสก ไม่ได้ซ้อน เพราะบารมีของพระพุทธเจ้าทีท่านทำแล้วคลุมไปหมด ไม่มีว่าทำมาแล้วไม่ได้เข้าพิธี ถ้าอธิษฐานเดินวิชชาแล้ว จะรวมกันเป็นหนึ่งทั้งหมด ที่เสกที่ซ้อนมาแล้วก็จะทับทวีเพิ่มขึ้นเดินละเอียดขึ้นไปอีก สำคัญที่ว่า ต้องบริสุทธิ์สะอาด ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ทำ แต่ถ้ามันไม่ตรง. หม้อมันรั่วเสียแล้วล่ะ มันเก็บน้ำไม่อยู่น่ะ. . เอาอะไรอัดเข้าไป มันอยู่ได้ไม่นานหลอก เอามาทำมาซ้อน เสียเวลาเปล่าๆน่ะ. . มันจะเป็นแบบนี้น่ะ วิชชาธรรมกายนี่ไม่ได้เหมือนกับแบบอื่นทั่วๆไปน่ะ …… เป็นวิชชาเป็นเครื่องธาตุต้องเดินตลอด ………

เรื่องเล่ากันลืม……อาจไม่ครบสมบูรณ์ไปเสียหมด เพราะผ่านไปตามกาล ผู้เล่าเองความจำที่มีก็คงไม่ละเอียดครบทุกถ้อยคำ ได้ร้อยเปอร์เซ็น ครบ. แต่ก็พยายามทบทวน ความ นึกถึงคำเก่าๆที่ท่านเคยถ่ายทอดไว้ให้ มาลงไว้. ……ค่อยๆศึกษาครับ จะค่อยๆเข้าใจ และมองเห็นตามทางที่ท่านพยายามถากถางเป็นแนวทางให้เราเดินอย่างสงบสุข สันติ

กร อนันตกาล

แชร์เลย

Comments

comments

Share: