พระโลหิตธาตุ ที่วัดหลวงพ่อสดฯ

พระโลหิตธาตุ ที่วัดหลวงพ่อสดฯ
เมื่อระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซึ่งเป็นปีที่มูลนิธิพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย โดยอาตมภาพเป็นกรรมการอำนวยการ ได้รับอนุมัติและประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา(เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม) ชื่อ “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม” และเป็นปีที่อาตมภาพได้รับการคัดเลือกและแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส(เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม) ได้จัดนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธปฏิมา ที่ล้วนสำเร็จด้วยหินรัตนชาติและโลหะทองคำ/นาก โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จไปเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการในครั้งนั้น
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุที่ได้นำออกแสดงในครั้งนั้น มีทั้งที่มีผู้บริจาคให้ไว้เป็นสมบัติของวัดแล้ว เพื่อบรรจุไว้ในพระมหาเจดีย์ ที่ได้มีโครงการที่จะสร้างในโอกาสต่อไป และมีทั้งที่ขอยืมมาจากคุณทองดี หรรษคุณารมณ์ อยู่เลขที่๘๐/๑๑ ถนนสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ผู้ซึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พระโลหิตธาตุ” ได้อนุเคราะห์ให้ยืมมาแสดงในครั้งนั้นด้วย ๑ องค์ใหญ่
อาตมภาพมีความรู้สึกสนใจและประทับใจในพระโลหิตธาตุนี้มาก ตั้งแต่นั้นมาจึงได้หมั่นอธิษฐานขอต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเวลาที่เจริญภาวนาจนใจสงบและละเอียดดีแล้วเสมอๆ เมื่อเสร็จจากงานแสดงนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุครั้งนั้นแล้ว ก็ได้รื้อ จัดและทำความสะอาดห้องพระ เพื่อเก็บพระบรมสารีริกธาตุที่ได้นำไปแสดง ทั้งของวัดและทั้งของคุณทองดี ที่ยังไม่ได้นำไปส่งคืนเขาไว้ให้เรียบร้อย ครั้นรื้อไปถึงกล่องที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ(ธรรมดา) ที่เหลือจากที่เคยแจกให้ญาติโยมผู้มาทำบุญช่วยการก่อสร้างวัดเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน โดยใส่ถุงพาสติกเล็กๆ ถุงละ ๙ องค์ ซี่งยังมีเหลืออยู่ ๔-๕ ถุง ที่เก็บไว้ในกล่องนั้น ก็พลันเห็นมีอยู่ถุงหนึ่งมีพระบรมสารีริกธาตุ ที่มีวรรณะสีแดงดั่งสีทับทิมมันเลื่อม สัณฐานดั่งเมล็ดถั่วแตกบ้าง สัณฐานดั่งเมล็ดข้าวสารหักบ้าง นับดูได้จำนวน ๑๖ องค์ โดยที่อาตมภาพก็ไม่เคยมีใครนำมาถวายให้ก่อนเลย และมีจำนวนมากกว่าถุงอื่นๆ ที่เคยใส่ถุงไว้แจกให้ญาติโยมผู้มาทำบุญถุงละ ๙ องค์เท่านั้นด้วย แต่ก็ยังไม่ปลงใจเชื่อสนิทว่า จะเป็นพระบรมสารีริกธาตุแท้จริง จึงได้เอาไปทดลองลอยน้ำดู ก็ปรากฏว่าลอยน้ำ และลอยเหนือผิวน้ำ โดยที่ผิวน้ำเป็นแอ่งเว้าลงไป และเป็นเหมือนรัศมีรอบๆแอ่ง แล้วจะเหมือนมีแรงดึงดูดเข้ามาหากัน รวมกันเป็นแพ แม้นั้นก็ยังไม่เชื่อสนิทอีก จึงตั้งใจว่าถึงโอกาสเหมาะที่จะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนที่ยืมมาไปคืนคุณทองดี ก็จะนำพระธาตุที่เรามีขึ้นนี้ ไปถามคุณทองดีดูด้วย เพื่อให้แน่ใจอีกทีหนึ่ง
ในช่วงระยะปลายปีพ.ศ.๒๕๓๔-พ.ศ.๒๕๓๕ นั้น อาตมภาพยังไปๆกลับๆ อยู่ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามและวัดปากน้ำภาษีเจริญ ด้วยว่าพระเดชพระคุณพระธรรมปัญญาบดี(เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อธิบดีสงฆ์วัดปากน้ำองค์ปัจจุบัน) ได้เมตตาอนุเคราะห์อาตมภาพเป็นกรณีพิเศษ ให้มาพักอยู่ห้องเดิม (ห้องที่ ๑ ตึกศรีบุณยรัตน์) ที่อาตมภาพเคยอาศัยอยู่ที่วัดปากน้ำ ซึ่งเป็นต้นสังกัดเดิมของอาตมภาพ
อาตมภาพจึงได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุ วรรณะดั่งสีทับทิมนั้น ห่อด้วยกระดาษว่าว(กระดาษบางๆแต่เหนียว)พับอย่างเรียบร้อย นำมาใส่ไว้ในเจดีย์หินอ่อน เก็บไว้ในตู้เหล็กอยู่ในห้องที่เคยพักที่วัดปากน้ำ หลังจากนั้นอาตมภาพก็สาละวนอยู่กับการเตรียมการไปอัญเชิญ พระพุทธปฏิมาที่สำเร็จด้วยหยกพม่า(Jadeite) ขนาดหน้าตัก ๒๑ นิ้ว จากอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย ที่จะมาประดิษฐานเป็นพระประธานประจำอุโบสถ และพระพุทธปฏิมาที่สำเร็จด้วยหินผลึกธรรมชาติ (Rock Crystal) ขนาดหน้าตัก ๑๖ นิ้ว ที่แกะโดยช่างฮินดู ณ นคร Jaipur ประเทศอินเดีย ที่จะมาประดิษฐานเป็นพระคู่บารมีพระประธานประจำอุโบสถ ด้วยว่าในปลายปีพ.ศ.๒๕๓๔ นั่นเอง คือเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ทางวัดก็ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา จึงได้กำหนดที่จะประกอบพิธีผูกพัทธสีมา ในวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ต่อไป
ครั้นรุ่งขึ้นปีใหม่(พ.ศ.๒๕๓๕) ก็ได้จัดการอัญเชิญพระพุทธปฏิมา(หยก) และพระคู่บารมีพระประธาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำเร็จด้วยหินผลึก(Rock Crystal) จากประเทศอินเดีย มาเตรียมที่จะประกอบพิธีอัญเชิญเข้าประดิษฐานในอุโบสถเรียบร้อยแล้ว ก็นึกได้ว่าควรจะได้เวลาอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เคยขอยืมมาจากคุณทองดีไปคืนเขาเสียที และจะได้นำพระบรมสารีริกธาตุสีทับทิมของเราเองนั้น ไปให้คุณทองดีเขาช่วยดูให้แน่ใจอีกทีหนึ่งด้วย แต่เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีที่แล้ว(พ.ศ. ๒๕๓๔) อาตมภาพมีงานยุ่งตลอดจนอ่อนเพลีย จนลืมไปว่าได้เก็บพระบรมสารีริกธาตุสีทับทิมไว้ที่ไหน นึกเท่าใดๆก็นึกไม่ออก ครั้นถึงเวลาประมาณ ๓ ทุ่ม(๒๑.๐๐ น.) เมื่อสรงน้ำแล้ว จึงเอนตัวลงนอนด้วยความโล่งใจ สบายใจที่การเตรียมงานสำคัญๆ ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงหลับตาลงและเจริญภาวนาให้จิตสงบ แล้วจึงค่อยๆระลึกลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่เริ่มได้พระบรมสารีริกธาตุสีทับทิมนั้น ต่อๆไปจนถึงเหตุการณ์เก็บใส่กระดาษว่าว และพับเรียบร้อยแล้ว นำไปใส่ไว้ในเจดีย์หินอ่อน เก็บไว้ในตู้เหล็ก ใส่กุญแจไว้เรียบร้อยในคืนที่ไปนอนค้างที่วัดปากน้ำ พอระลึกได้เห็นเหตุการณ์ตลอดก็รู้สึกดีใจ
รุ่งเช้าก็รีบเดินทางไปวัดปากน้ำภาษีเจริญทันที พอถึงห้องพักก็รีบเปิดตู้เหล็กที่ไม่เคยได้เปิดเลยนับตั้งแต่ ได้นำพระบรมสารีริกธาตุสีทับทิมมาเก็บไว้ เห็นเจดีย์หินอ่อนก็ดีใจ รีบเอามาเปิดดู ยังเห็นกระดาษว่าวที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถูกพับเรียบร้อยดีอยู่ จึงค่อยๆคลี่กระดาษออกดู ก็รู้สึกพิศวงอย่างยิ่งที่ภายในห่อกระดาษนั้น กลับมีพระบรมสารีริกธาตุเพิ่มขึ้นเป็น ๕๕ องค์ ครั้นนั้นอาตมภาพยอมรับว่าตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก และจึงมั่นใจว่า นี่เป็นพระโลหิตธาตุแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย และไม่จำเป็นที่จะต้องให้ใครดู เพื่อให้แน่ใจอีกแล้ว
อาตมภาพจึงรีบไปสั่งทำภาชนะทองคำใส่พระโลหิตธาตุนี้ ได้จำนวน ๔๕ องค์ บรรจุลงในพระเศียรใต้พระเกตุมาลาพระประธาน(หยก) ปิดผนึกด้วยกาวอย่างดี(มิให้เปิดได้อีก) และได้เก็บส่วนที่เหลืออีก ๑๐ องค์ไว้ในภาชนะอีกต่างหาก เป็นอันว่าได้มีพระโลหิตธาตุบรรจุไว้ในพระเศียร(ใต้พระเกตุมาลา)พระประธาน(หยก) ประจำอุโบสถ เพื่อเหล่ามนุษย์และเทพยดาทั้งหลายได้นมัสการบูชาพระรัตนตรัย ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตั้งแต่บัดนั้น(พ.ศ.๒๕๓๕)เป็นต้นมา ด้วยประการฉะนี้ -//

*จาก บทความปกิณกะ ของหลวงป๋า(พระเทพญาณมงคล วิ.)
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
ครั้งยังเป็น “พระมหาเสริมชัย ชยมงฺโล” ลงตีพิมพ์ในนิตยสารธรรมกาย ปีที่ ๑๓
ฉบับที่ ๒ เมษายน – มิถุนายน ๒๕๔๑

พระโลหิตธาตุ โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋) 22 พ.ย. 2559
เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วยังไม่เคยมีใครพูดถึงพระโลหิตธาตุกันมาก่อนเลย ผมไปกราบพระธาตุมาหลายแห่งหลายที่ก็ยังไม่เคยเห็นมีใครมีพระโลหิตธาตุ อาจพูดได้ว่าไม่มีใครคิดว่าจะมีพระโลหิตธาตุของพระพุทธเจ้าอยู่ในโลกนี้ก็ว่าได้
แต่แล้วคืนหนึ่งผมได้มีนิมิตฝันที่แปลกประหลาดมาก เพราะในฝันนั้นผม (อู๋) ได้ไปยืนอยู่ตรงที่ไหนไม่ทราบ บริเวณรอบตัวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นที่โล่งๆ ที่ๆ ผมยืนอยู่คล้ายๆ กับพื้นดินแต่มองไม่ชัดเนื่องจากบรรยากาศโดยรอบนั้นมันขมุกขมัว มันเหมือนผมไปยืนอยู่ในอีกมิติหนึ่งที่ไม่ใช่ในโลกของเรานี้ เพราะบรรยากาศแบบนี้มันไม่มีในโลก
แล้วอยู่ๆ ก็ปรากฏเหมือนมีฝนตกลงมาจากฟ้า มองเห็นเป็นลูกๆ พุ่งตกลงมาเสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ที่พื้นดินอย่างรวดเร็ว จะว่าเป็นเม็ดฝนก็ไม่น่าจะใช่เพราะมันหล่นลงมาเป็นลูกๆ ผมสงสัยว่าอะไรหล่นลงมาจึงเดินและก้มลงเข้าไปดูใกล้ๆ ลูกที่หล่นลงมาดูเหมือนเป็นก้อนเนื้อสีแดงฉ่ำ เมื่อเอามือไปแตะดูก็รู้สึกนิ่มๆ ลักษณะก้อนนี้เป็น 4 เหลี่ยมคล้ายๆ ลูกเต๋ากว้างประมาณ 1 คืบ ในใจผมคิดว่า “เอ๊ะ…นี่มันลูกอะไรกัน เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น จะว่าเป็นก้อนเนื้อก็น่าจะใช่ แถมมีน้ำเหมือนเลือดอยู่ที่ผิวก้อนนี้อยู่ด้วย” ในฝันนั้นผมไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เป็นแต่แปลกใจว่าทำไมก้อนเนื้อเหล่านี้จึงตกลงมาจากฟ้า หล่นลงมากระจายเต็มพื้นที่ผมยืนอยู่ไปหมดสุดลูกหูลูกตา แล้วผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเป็นช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์
วันนั้นผมก็เดินทางไปทำบุญที่วัดหลวงพ่อสดเป็นปกติ ทุกเช้าวันอาทิตย์ผมจะต้องเข้าไปกราบหาหลวงป๋าท่านก่อนทุกครั้งที่เดินทางไปถึงวัด วันนั้นหลวงป๋าท่านได้นำของอย่างหนึ่งมาให้ผมดู ท่านบอกว่า “นี่คือพระโลหิตธาตุของพระพุทธเจ้า ท่านเสด็จมาเองนะ เป็นของแท้แน่นอน” ท่านพูดเสร็จก็เอามือเปิดผอบพระธาตุให้ผมดู ผมมองดูพระโลหิตธาตุองค์เล็กๆ สีทับทิมอ่อนด้วยความตื่นตาตื่นใจเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วผมก็นึกถึงนิมิตความฝันเมื่อเช้านี้เองจึงบอกหลวงป๋าไปว่า “หลวงป๋าครับ นี่เป็นพระโลหิตธาตุของแท้แน่นอน เพราะผมก็เพิ่งมีนิมิตฝันถึงเมื่อเช้าวันนี้เอง ผมเห็นพระโลหิตธาตุสีแบบนี้แหละตกลงมาจากฟ้าเต็มพื้นไปหมด เป็นนิมิตที่ชัดเจนเหมือนตาเห็นเลยครับ”
หลวงป๋าท่านเห็นว่าผมมีนิมิตมาแบบนี้ ท่านเลยแบ่งพระโลหิตธาตุมาให้ผม 8 องค์เพื่อเอาไว้บูชา ผมรับพระโลหิตธาตุมาด้วยความดีใจและตื้นตันใจเพราะไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้พระบรมสารีริกธาตุของแท้ที่หาได้ยากอย่างนี้มาก่อน เมื่อกลับมาถึงบ้านเปิดออกดู อ้าวพระโลหิตธาตุท่านเสด็จมาเพิ่มกลายเป็น 9 องค์อย่างอัศจรรย์ไม่น่าเชื่อ…..
ต่อมาผมได้แบ่งพระโลหิตธาตุ 3 องค์ถวายแก่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ผู้สร้างพระธาตุเจดีย์ผาน้ำย้อยจ.ร้อยเอ็ดซึ่งนับว่าเป็นเจดีย์ที่สวยที่สุดในประเทศไทย เพื่อขอให้หลวงปู่นำไปบรรจุในพระมหาเจดีย์ของท่านเอาบุญกุศลติดตัว เท่ากับผมน่าจะเหลือพระโลหิตธาตุอีกเพียง 6 องค์ แต่มาวันนี้ผมได้ไปเปิดดูปรากฏว่ากลับมีพระโลหิตธาตุเสด็จเพิ่มขึ้นมาเองอีก 1 องค์กลายเป็น 7 องค์ แถมพระโลหิตธาตุของเดิม 5 องค์นั้นก็ได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอีก 2-3 เท่าจากของเดิม (เดิมมีสีและขนาดพอๆ กับองค์กลางในรูปเท่านั้น) สีของท่านก็เป็นสีแดงเข้มขึ้น จากเดิมสีแดงทับทิมอ่อนอมม่วงกลายเป็นสีแดงเข้ม….ท่านเติบโตขึ้นและเข้มข้นขึ้น สะท้อนการสร้างบารมีและเป็นกำลังใจให้ผมได้เป็นอย่างดี พระโลหิตธาตุทั้งหมดนี้ผมจะนำบรรจุลงในองค์พระปฐมบรมศาสดาที่กำลังจะแล้วเสร็จเพื่อสืบต่ออายุพระศาสนาต่อไป

แชร์เลย

Comments

comments

Share: