ด้วย “นิพพานสมบัติ” ให้ได้เสวยวิมุตติสุข เป็นบรมสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีความเกิด แก่ เจ็บ และตายอีกแล้วยังถ่ายทอดเป็น “โลกิยสมบัติ” คือ เป็นอรูปพรหม- รูปพรหมสมบัติ สวรรค์สมบัติ และมนุษย์สมบัติ มาตามสายธาตุธรรมของภาคพระ / ธรรมขาว หรือฝ่ายบุญกุศล…ตามระดับบุญบารมี และภูมิธรรมของสัตว์โลกสุคติภพที่ได้ประกอบบำเพ็ญมาอีกด้วย
พระจักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงภาคพระ หรือฝ่ายบุญกุศล ที่ให้ผลเป็นสุขสมบัติแก่สัตว์โลกแต่ละบุคคล และแต่ละหมู่คณะที่อยู่ร่วมกันตามระดับบุญกุศลคุณความดี และบารมีที่ได้เคยกระทำสั่งสมมาแล้วแต่อดีต ติดตามให้ผลเป็นวิบากคือ
“จุลจักรพรรดิ” ให้ผลเป็นสุขสมบัติที่ไม่สมบูรณ์ คือ แร้นแค้น ทำมาหากินฝืดเคือง ไม่พอกินพอใช้ แก่สัตว์โลกที่กระทำกรรมดี มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล…มาน้อย
“มหาจักรพรรดิ” ให้ผลเป็นสุขสมบัติที่สมบูรณ์แต่พอกินพอใช้ คือ ไม่ถึงอุดมสมบูรณ์นัก แก่สัตว์โลกที่กระทำกรรมดี มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล…มาพอสมควร
“บรมจักรพรรดิ” ให้ผลเป็นสุขสมบัติที่อุดมสมบูรณ์บริบูรณ์เต็มที่ แก่สัตว์โลกที่ประกอบกรรมดี มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล…มามาก
จักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงธาตุธรรมภาคพระ (ฝ่ายบุญกุศล หรือธาตุธรรมขาว) ที่มีประจำสัตว์โลกให้สุขสมบัติ เป็นความสุขความเจริญด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พรหม-อรูปพรหมสมบัติ ถึงนิพพานสมบัติเช่นไร
จักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงธาตุธรรมภาคมาร (ฝ่ายบาปอกุศล หรือธาตุธรรมภาคดำ) ของสัตว์โลกผู้ประพฤติปฏิบัติหรือกระทำกรรมชั่ว หรืออกุศลกรรม ด้วยอำนาจของกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ก็ย่อมให้ผลตรงกันข้ามกับฝ่ายบุญกุศล คือ กลับให้ผลเป็นความทุกข์เดือดร้อนเช่นนั้น
และสัตว์โลกที่ได้กระทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จึงย่อมได้รับผลที่เป็นทั้งความสุขความเจริญ และทั้งความเสื่อมเป็นโทษ เป็นความทุกข์เดือดร้อนจากจักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงทั้งฝ่ายบุญกุศลและทั้งฝ่ายบาปอกุศล ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้ผล ตามความหนักเบาของกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ได้กระทำไว้แล้ว ให้ผลตามหน้าที่และกาลเวลาที่เหมาะสม ที่กรรมนั้นๆจะให้ผลเป็นวิบาก
ยังมี “กายสิทธิ์” ภาคผู้เลี้ยง…ซึ่งเป็นบริวารของจักรพรรดิ เป็น “ธาตุธรรมเป็น” มีรูปกายคล้ายเทวดา สถิตอยู่กับธาตุธรรมส่วนหยาบ ที่จะให้ผลเป็น “สุขสมบัติ” ได้แก่ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ ฯลฯ และ / หรือเป็น “ทุกข์สมบัติ” แก่สัตว์โลกตามผล (วิบาก) แห่งกรรมดี หรือกรรมชั่วในส่วนหยาบ คือ สถิตอยู่กับทุกอณูของวัตถุธาตุที่ประกอบด้วย ดิน – น้ำ – ไฟ – ลม
เช่นอยู่กับ ดิน หิน กรวด ทราย โลหะ แร่ธาตุต่างๆ อัญมณี ต้นไม้ และพืชพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น
ที่ให้คุณและโทษต่างๆ แก่สัตว์โลกทั้งหลายอีกด้วยเช่นกัน
ธรรมชาติดังกล่าวนี้ ผู้ปฏิบัติภาวนาวิชชาธรรมกายตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จฺนทสโร) ท่านสอนศิษยานุศิษย์ให้ปฏิบัติถึงธรรมกายถึงพระนิพพานตามรอยบาทพระพุทธองค์ เมื่อฝึกเจริญภาวนาได้ถึงธรรมกาย ฝึกเจริญสติปัฏฐาน ๔ และฝึกเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูงแล้ว ก็จะรู้เห็นได้ ตามสมควรแก่ระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้
อนึ่ง วัตถุธาตุใดยิ่งประกอบด้วยอณูที่ควบกันอยู่หนาแน่นเพียงใด ก็ยิ่งมี “กายสิทธิ์” สถิตอยู่มาก (หนาแน่น) เพียงนั้น
เพราะเหตุนั้นจึงไม่แปลกประหลาดอะไร ที่ผู้รู้จะมีวัตถุธาตุอันเป็นที่สถิตอยู่ของ “กายสิทธิ์ ภาคผู้เลี้ยงฝ่ายพระหรือฝ่ายบุญกุศล” นี้ไว้ในครอบครอง เพื่อเป็นพลังและให้พลังเพิ่มพูนทรัพยากร แก่ผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม มุ่งบำเพ็ญบุญกุศลคุณความดีและบุญบารมีสูงๆ และ / หรือแก่ผู้ได้มาหรือมีอยู่ในครอบครองด้วยกุศลคุณความดี หรือบุญบารมีที่ตนได้เคยสั่งสมมา เช่น หินผลึก (Rock Crystal) หินQuartz อัญมณี (Gem stone) ทองคำ เงิน และแม้ “ธาตุเหล็กไหล” ต่างๆที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น
แต่พระอริยเจ้า หรือ ผู้มีคุณธรรมสูง และผู้บำเพ็ญบุญบารมีมามาก ท่านไม่จำเป็นต้องแสวงหาและยึดติด (มีอุปาทาน) ด้วยตัณหาและทิฏฐิให้เป็นทุกข์ ท่านได้มาหรือมีอยู่ในครอบครองก็เพียงสักว่ามี หรือเพียงกระทำไปเพื่อเป็นประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม และเพียงมีไว้เพื่อประกอบการบำเพ็ญกุศลคุณความดี เพิ่มพูนบุญบารมีของท่านเมื่อสมควรเสียสละให้แก่บุคคลหรือคณะบุคคลที่สมควรให้ ท่านก็เสียสละให้โดยง่าย เพราะท่านผู้เป็นพระอริยเจ้า หรือ ผู้กำลังบำเพ็ญบุญบารมี ย่อมทราบดีว่าทรัพย์ภายนอกล้วนเป็น อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา ถ้ายิ่งยึดติดอยู่ด้วยตัณหาและทิฏฐิ ก็ยิ่งเป็นทุกข์ และยิ่งหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ถึงพระนิพพานที่สิ้นสุดแห่งทุกข์ทั้งปวงได้ … ก็อย่าสงสัยเลย
๒. “กายสิทธิ์ ภาคผู้เลี้ยงฝ่ายมารหรือฝ่ายบาปอกุศล” ที่ให้พลังทรัพยากรที่เป็นโทษ เป็น “ทุกข์สมบัติ” แก่สัตว์โลกที่ประพฤติปฏิบัติที่ชั่ว ที่เป็นบาปอกุศล
ย่อมสถิตอยู่กับ“วัตถุธาตุที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์ หรือที่เป็นอัปมงคล” ไม่ว่าจะเป็น ดิน หิน โลหะแร่ธาตุ อัญมณี…ที่สกปรก ขุ่นมัวไม่สะอาด และที่มีวรรณะ (สี) ที่ไม่เป็นมงคลต่างๆ เช่น สีดำสนิท หรือจะเป็นพืชพันธุ์ที่เป็นพิษและที่เป็นอัปมงคลต่างๆ ได้แก่ หินดำ นิลดำ เพชร/ พลอยดำสนิท แร่อุกาบาต ธาตุเหล็กไหลที่ดำสนิท เป็นต้น ถ้าผู้มีอยู่ในครอบครองมีความประพฤติปฏิบัติที่ชั่วหยาบหรือทุศีลแล้ว ธาตุกายสิทธิ์ประเภทนี้จะให้ผลเป็นโทษ เป็นความทุกข์เดือดร้อน…ที่ร้ายแรงและรวดเร็วมาก
๓. “กายสิทธิ์ ที่ให้ผลได้ทั้งคุณและโทษ” แก่ผู้มีอยู่ในครอบครอง ที่ประพฤติปฏิบัติดีบ้าง ชั่วบ้าง ก็สถิตอยู่กับวัตถุธาตุที่มีลักษณะทั้ง ๒ อย่างข้างต้นปะปนกัน
ถ้าได้รับการเจริญภาวนาอธิษฐานจิตจากผู้ทรงศีลทรงธรรม “ปรับธาตุธรรม” ให้เป็นกายสิทธิ์ภาคผู้เลี้ยงฝ่ายพระหรือฝ่ายบุญกุศล ที่ให้พลังเป็นพลังทรัพยากรที่ให้คุณ ก็กลับเป็นสุขสมบัติได้ และ/หรือถ้าอยู่กับคนดี มีศีลมีธรรม ประกอบแต่คุณความดียิ่งๆขึ้นไป ไม่ประมาท ก็ให้ผลเป็นสุขสมบัติได้ตามส่วนเหมือนกันแต่ถ้าอยู่กับคนชั่ว คนทุศีล ก็ให้ผลเป็นโทษ เป็นความทุกข์เดือดร้อนได้
พระผู้รู้จึงนิยมสร้างพระพุทธรูปบูชาขนาดเล็ก สำหรับให้บูชาติดตัว หรือขนาดพระบูชาประจำบ้าน มอบให้แก่ญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาบำเพ็ญกุศล บำรุงวัด หรืออุปถัมภ์พระพุทธศาสนาตามสมควรแก่กำลังศรัทธา ไว้เป็นที่เคารพบูชา เป็นพุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุสติ และเป็นสิริมงคลแก่การดำเนินชีวิตไปตามกระแสธรรม สู่ความเจริญรุ่งเรืองเเละสันติสุขยิ่งๆขึ้นไป
ส่วนวัตถุธาตุกายสิทธิ์ธรรมชาติที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นธาตุธรรมฝ่ายมารหรือธาตุธรรมดำ ที่เคยให้ทุกข์สมบัติแก่สัตว์โลกผู้ปฏิบัติชั่วหยาบ เป็นผู้ทุศีล เช่น หินดำสนิท นิลดำสนิท
เพชรพลอยดำสนิท แร่อุกาบาตที่ดำสนิท ธาตุเหล็กไหลที่ดำสนิท เป็นต้น
ถ้าเอาไปสร้างเป็นปูชนียวัตถุก็จะกลับมีพลังอำนาจแรงขึ้น กายสิทธิ์ที่มีธาตุธรรมดำหรือภาคมารอยู่แต่เดิม จะเปลี่ยนสภาพเป็น “จักรพรรดิที่มีพลังอำนาจของภาคมาร” แฝงอยู่ด้วยสูงขึ้น
หากผู้มีไว้ในครอบครอง หรือ วัดวาอารามที่พระภิกษุผู้มีอำนาจปกครองและพระลูกวัด ไม่มีคุณธรรมดีพอ มีวัตรปฏิบัติที่ย่อหย่อนในพระธรรมวินัยแล้ว จะได้รับผลเป็น “ทุกข์สมบัติ”
ทำให้มีปัญหาความล้มเหลวในกิจการงาน และเป็นความทุกข์เดือดร้อนได้มาก“วัตถุธาตุกายสิทธิ์ภาคมาร หรือ ธาตุธรรมภาคดำ” (ฝ่ายบาปอกุศล) มีอำนาจสอดละเอียด คือ
มีอำนาจสอดแทรกเข้ามาทำหน้าที่ครอบงำ / ชักนำ ผู้ปฏิบัติและทรงธรรมภาคขาวหรือฝ่ายบุญกุศล…ที่ยังไม่แก่กล้าดีพอ ให้ปฏิบัติตนเป็นอุปสรรคหรือผลร้ายแก่การศึกษา การอบรมธรรมปฏิบัติ และการเผยแพร่พระสัทธรรมที่ถูกต้องสมบูรณ์ให้เป็นผลสำเร็จได้ยาก และมีผลให้การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยย่อหย่อน และให้เสื่อมถอยลงได้มากและเร็วยิ่งขึ้น และยังจะให้ผลเกี่ยวเนื่องไปถึงการเศรษฐกิจและสังคมประเทศชาติให้เสื่อมเสียลงได้มาก
เพราะเหตุนั้นตามธรรมดาแล้ว ผู้รู้จะไม่นิยมสร้างปูชนียวัตถุด้วยวัตถุธาตุเป็นที่สถิตอยู่ของ “กายสิทธิ์ภาคมาร หรือธาตุธรรมภาคดำ” เลย เว้นแต่ผู้สร้างจะเป็นพระอริยเจ้า หรือ ผู้ทรงคุณธรรมสูง ผู้ทรงอำนาจสิทธิที่สามารถเจริญภาวนาชำระธาตุธรรมภาคดำและได้พลิกธาตุธรรมนั้น ให้เป็นธาตุธรรมฝ่ายขาวหรือฝ่ายบุญกุศล ที่จะให้สุขสมบัติแต่ส่วนเดียวได้แล้วเท่านั้นมิฉะนั้นแล้วผู้มีไว้ในครอบครอง ที่ไม่มีคุณธรรมสูงพอที่จะควบคุมกายสิทธิ์ภาคมารหรือธาตุธรรมภาคดำ ให้อยู่ในอำนาจแห่งกระแสธรรมที่จะให้คุณเป็นสุขสมบัติได้แล้ว ภาคมารเขาก็จะทำหน้าที่ของเขาได้เต็มที่ คือ ชักนำผู้มีไว้ในครอบครองไปสู่ความเสื่อม หรือเป็นโทษถึงความทุกข์เดือดร้อนได้ง่าย