คนกับผี ใครกลัวใครกันแน่

❓ถาม : คนกับผี ใครกลัวใครกันแน่ แต่ที่ผมฟังมา มีพระท่านบอกผมว่า ผีกลัวคน ที่ผีกลัวคนก็เพราะว่าคนเรามีดวงไฟอยู่ตรงกลางหน้าผาก และดวงไฟกลางหน้าผากเกี่ยวกับธรรมกายหรือไม่ เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?❓
✅ตอบ : ผีกลัวคนหรือคนกลัวผี นี่นะเป็นคนๆ นะ แต่ส่วนใหญ่จะได้ยินว่า คนกลัวผี คนที่ถามมานี่กลัวหรือเปล่าล่ะ โยมก็ถามตัวโยมเองว่า โยมกลัวผีหรือว่าผีกลัวโยม
✅แต่แท้ที่จริง เรื่องเป็นอย่างนี้ คำว่า “ผี” คืออะไร ต้องถามตัวเองก่อน ถ้าผีหมายถึงสัตว์โลกอีกประเภทหนึ่ง ที่ตายแล้วไปเกิดเป็นเปรตบ้าง อสุรกายบ้าง หรือเป็นสัมภเวสี เรียกอีกอย่างหนึ่ง ที่กำลังแสวงหาที่เกิดอยู่ คือ เป็นอีกภพหนึ่ง เขาเป็นอยู่แล้วนะ พอตายแล้ว เขาก็เกิดภพนั้นแหละ เหล่านี้ด้วยอำนาจของกรรม ใจของเขามืด และเมื่อใจของเขามืด เขาก็กลัวความสว่าง นี้เป็นธรรมชาติ
✅เพราะฉะนั้น ถ้าใครปฏิบัติธรรม จิตหยุดนิ่งอยู่เสมอ ตรงนี้ ไม่ปรุงแต่ง หยุดนี่แหละ หรือแม้ปฏิบัติธรรม มีศีลมีธรรม เอาอย่างนี้ แต่ว่า เอาแค่ใจหยุดตามนี้ เมื่อหยุดนิ่งจิตก็สะอาดผ่องใสแล้วสว่าง ไม่ว่าโยมจะเห็นหรือไม่เห็นนะ ใจเมื่อทำไปหยุดที่ศูนย์กลางกาย ก็สว่างกว่าเดิมแหละ จะสว่างแค่สลัวๆ หรือสว่างแค่ไหนก็แล้วแต่ ก็สว่างล่ะ
✅แม้แต่เราเองไม่เห็น เหมือนกับพรึมๆ อยู่ ไม่ถึงกับมืดมิด ก็สว่างล่ะ ยังไงก็สว่างกว่าผีละพูดง่ายๆ คนมีศีล มีธรรม อย่างน้อยก็สว่างกว่าผี ฉะนั้น ผีก็ไม่กล้า ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ เพราะเขากลัวแสงสว่าง แต่ว่าถ้าใครมีศีลมีธรรมน้อย มีการประพฤติผิดศีลผิดธรรมมาก ใจเขาก็มืด นี่ละผีเข้าใกล้ได้สะดวก
✅เพราะฉะนั้น ยิ่งถ้ามีวิบากกรรมกับผีด้วย อันนี้ผีสบายเลย สามารถจะผ่านเข้าใกล้ๆ ได้ หรือว่าถ้ามีเวรมีกรรมกัน ก็อาจมีอะไรๆ แสดงให้กันเห็น หรือว่าทำอะไรให้ไม่เหมาะสมก็ได้
✅แต่ว่าถ้าปฏิบัติธรรมให้ใจหยุดนิ่งอยู่เสมออยู่ที่ศูนย์กลาง ใจบริสุทธิ์ผ่องใส ใจสะอาดขึ้น เมื่อใจสะอาดขึ้น ก็สว่างขึ้น สว่างขึ้นโดยปกติ ผีก็ไม่ชอบความสว่าง ถ้าไม่มีเวรมีกรรมกันจริงๆ เขาก็ไม่มาเข้าใกล้
✅เพราะฉะนั้น วิธีการอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้สว่างมากขึ้น ต้องแผ่เมตตา แผ่เมตตาตรงกลางนั่นแหละ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้ทุกข์กายทุกข์ใจ แผ่ไปทั้งใจเรานะ ไม่ใช่สักแต่ปากว่า บางทีไม่ต้องออกเสียง อธิษฐานจิตเอา แผ่เมตตาอธิษฐานจิตเอา แต่ถ้าออกเสียงด้วย เอาละได้ประโยชน์เหมือนกัน อย่างน้อยได้เสียงเป็นเพื่อน
✅สวดกรณียเมตตสูตรก็ได้ หรืออะไรก็ได้ หรือสัมมาอะระหังๆๆ ก็ได้ เมื่อใจหยุดนิ่งด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ หรือและมีการแผ่เมตตาออกไป จิตก็สว่าง พวกผีก็หนีซิ จะไปอยู่อะไรล่ะ
✅เว้นแต่มีเวรกรรมกันจริงๆ หรือไม่เขาอาจจะมาแสดงให้เห็น นี่อีกแบบหนึ่ง แสดงให้เห็นเพื่ออะไร เพื่อขอส่วนบุญ เพราะฉะนั้น เราอุทิศส่วนบุญกุศลให้เขาแล้ว เขาก็ไป มีเท่านี้แหละ ไม่ต้องไปกลัวหรอก ผีกลัวแสงสว่าง ไม่ได้กลัวคนหรอก กลัวแสงสว่าง เพราะเขาไม่ชอบ เหมือนกับความชั่วความไม่ดี ไม่ชอบทำต่อหน้าคน ชอบทำในที่มืด นั้นแหละอย่างนั้นแหละ ฉันใดฉันนั้น
✅แล้วก็บอกว่า เพราะมีไฟอยู่ตรงหน้าผาก ตรงนี้ละถูกบ้างไม่ถูกบ้าง เป็นคติของพวกมหายาน หรือพวกฤาษีชีไพร ทำสมาธิไว้ที่หน้าผาก เหมือนพวกธิเบตเขาถือว่า ตาอยู่ตรงนี้ มีอีกตาหนึ่ง อยู่ที่หน้าผาก แต่ว่าเอาล่ะไม่ต้องไปคิดมาก จะอยู่ตรงไหนช่างเถอะ ถ้าเอาใจหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกาย แสงสว่างจะออกจากศูนย์กลางกายนะ ธมฺโม ปทีโป ธรรมเป็นเหมือนแสงสว่าง หรือแสงสว่างคือธรรม
✅และที่ถามอีกว่าดวงไฟกลางหน้าผากเกี่ยวกับธรรมกายหรือไม่ เกี่ยวข้องกันอย่างไร บอกแล้วอย่าไปสนใจเลย อยู่กลางหน้าผากนี่ มันผิดเรื่องผิดราว พวกฤาษีชีไพร จึงไม่ถึงนิพพานซะที เพราะไปอยู่ที่หน้าผาก…”
ตอบปัญหาธรรม
โดย พระเทพญาณมงคล
(เสริมชัย ชยมงฺคโล) (หลวงป๋า)
วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม

แชร์เลย

Comments

comments

Share: