หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ”หน่อพุทธางค์กูร ภาค.๔ “พระผู้เป็นดั่งมหาโพธิสัตว์เจ้าแห่งลุ่มนำโขง

556..หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ”หน่อพุทธางค์กูร
       ภาค.๔    “พระผู้เป็นดั่งมหาโพธิสัตว์เจ้าแห่งลุ่มนำโขง

 เวลาถ่ายรูปหลวงปู่  มักจะพบลำแสงคล้ายกงจักรที่ศรีษะหลวงปู่.. พอมีคนถาม  หลวงปู่บอกว่า ที่ถ่ายติดศรีษะ  เพราะท่านมีกงจักร  เพราะชาติหนึ่งท่านเคยตัดศรีษะถวายพระพุทธเจ้า …และในปัจจุบันชาติ ในกายเนื้อ    หลวงปู่มีเครื่องหมายแห่งมหาบุรุษมหาโพธิสัตว์ มีกงจักรใต้ฝ่ามือใต้เท้าด้วย  ท่านเพียง “อวตาร” ลงมาทำกิจบางส่วน  ปรุงโลก ปรุงศาสนา  ท่านจะบอกลูกศิษย์ที่มีเชื้ออภิญญา ให้ท่องคำภาวนาว่า “นะมะ พะธะ”

  การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ามีด้วยกัน ๓ ประเภท จำแนกตามความยิ่งหย่อนของปัญญา ศรัทธา และ วิริยะ การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าวิริยาธิกะ ต้องมอบกายถวายชีวิตเช่น การตัดศรีษะถวายเป็นพุทธบูชา 

หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านเข้าไปในดินแดนมิติอันลึกลับภูเขาควาย และได้มีโอกาสพบพ่อปู่ฤาษีมาลัยโกฎิ (ปู่สิงห์) ได้ศึกษาเล่าเรียนสรรรพวิชาอันถือว่าสุดยอดในสรรพวิชาของพระเหนือโลก(เป็นวิชาของพระมหาโพธิสัตว์ที่มีบารมีเป็นปรมัตถ์) โดยแท้ จนสำเร็จจึงเดินทางกลับฝั่งไทย

ตอนที่หลวงปู่ท่านข้ามแม่นำโขงมานั้น มีชายผู้หนึ่ง ได้เห็นอภินิหารของท่านโดย แกเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งอยู่บนผิวน้ำ พระรูปนั้นนั่งทับอยู่เหมือนงูแต่ใหญ่กว่าหลายเท่า พอถึงฝั่งไทยพระรูปนั้นก้าวเท้าขึ้นฝั่ง งูใหญ่หรือที่แท้ก็คือ”พญานาค” ก็ดำหายลงใต้น้ำโขง ส่วนพระรูปนั้นก็เดินหายเข้าป่าไป

 แกจึงเดินหาพระภิกษุองค์นั้นมาเรื่อยๆจนถึง  วัดป่าสีพระรามลักษณ์รัตนโคตร  แกก็เห็นพระรูปหนึ่ง  จึงบอกว่า “กระผมตามหาพระองค์นั้นอยู่ไม่ทราบว่าพระคุณเจ้าพอจะทราบ  “ก็เฮาเองแหละ”คำตอบของพระรูปนี้ทำให้ตาแสง(ชายคนที่เห็น)  กราบหลวงปู่  และถวายตัวเป็นโยมอุปฐากหลวงปู่  เป็นคนแรก 

 ต่อมา มีพระอาจารย์นรสิงห์ วัดจอมมณี   จ.หนองบัวลำภู  ไปกับเพื่อนพระด้วยกันที่วัดป่าสีดาฯ พอเห็นหลวงปู่แค่นั้น  ไม่ศรัทธาเลย  นึกในใจว่าพระอะไรใส่แหวน พระอะไรมีแต่สายสินธ์เต็มมือ  จึงไม่ได้กราบหลวงปู่และก็กลับวัดเลย 

พออาทิตย์ต่อมา อยากไปวัดปู่ทองทิพย์อีกครั้งหนึ่ง   ท่านเจอหลวงปู่นั่งอยู่ที่เตียงคนเดียว หลวงปู่เลยชิงพูดขึ้นว่า “ น้อยเอ้ย(ชื่อเล่นอาจารย์นรสิงห์) ถ้าเจ้าไม่กราบพ่อแล้วเจ้าจะกราบใคร “  อาจารย์นรสิงห์ตอบว่า 
“ถ้าอยากให้ผมกราบหลวงปู่ลองแสดงอะไรก็ได้ให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ “
พอพูดจบ หลวงปู่ทองทิพย์ท่านก็ลอยขึ้นจากเตียงเลย  และก็ลงมานั่งเหมือนเดิม……
 พระอาจาร์นรสิงห์บอกว่าจากนั้นมา ท่านฝากตัวเป็นศิษย์และศรัทธาหลวงปู่ทองทิพย์อยากเต็มหัวใจ

หลวงปู่ มักเล่าเรื่องในตำนาน  จนผู้รับฟังรู้สึกได้ว่า..หลวงปู่กำลังเล่าเรื่องราวของท่านเอง..ในชาติภพนั้น  ท่านเล่าถึงรายละเอียดเกินตำนานอีก..ไม่ว่าจะเป็นพระราม พระลักษณ์ ทศกัณฑ์ นางสีดา…จนกระทั่งท่านมาตั้งวัดที่ท่านอยู่ว่า..” วัดป่าสีดาพระรามลักษณรัตนโคตร”  เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ..สำหรับผู้ได้ญาณ ย่อมทราบว่า..หลวงปู่คือ พระราม..ในรามเกียรตินั่นเอง..มันมิใช่เรื่องเล่า..มันเป็นเรื่องจริง..เรื่องรามเกียรติ์ เป็นเรื่องราวเกิด..ในสมัยตั้งโลกใหม่ๆ..ในภัทรกัปนี้..ก่อนพระพระพุทธเจ้ากกุสันโธ  จะลงมาตรัสรู้….ท่านเล่าถึง ตอน ..พระรามเดินดง.ไปกิน ไม้มณีโคตร จนกลายเป็นลิง ชื่อ “พระพาย” ต่อมา  ลูกสาวฤาษีไปกินไม้มณีโคตร  จึงกลายเป็นลิง เหมือนกัน  และได้ครองคู่กัน ออกลูกเป็น”หนุมาน”  .พอท่านเล่าเรื่องนี้  ลูกศิษยืถ่ายรูปออกมา เห็นรูปจางๆ เป็นรูปลิงติดมาด้วย    จึงไปถามหลวงปู่..หลวงปุ่บอกว่า “ลิงพระพาย” 

แล้วหลวงปู่เล่าต่ออีกว่า..”ต่อมาหนุมาน..ได้ไปเกิดในยุคพระพุทธเจ้ากกุสันโธ  และได้ตัดหัวตัวเอง ถวายเป็นพุทธบูชา…และทั้ง พระราม  พระลักษณ์ หนุมาน ล้วนเป็น๓โพธิสัตว์.ที่เวียนเกิดเวียนตาย…ท่านยังเล่าว่า..จริงแล้ว พระลักษณ์มีฤทธิ์มากกว่า หนุมาน อีก….

                                                        ++..มีภาค ๕…นะ+

แชร์เลย

Comments

comments

Share: