หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิต (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

ThaisAmulets

4 ตุลาคม 2018  ·

⚜️ หลวงปู่ปิยะ พรหมสโร วัดเสนานฤมิต (โนนชาติ) อ.คำตากล้า จ.สกลนคร

วัตถุมงคลลึกลับเหนือโลกที่เสกร่วมโดยพระอาจารย์ในดง (ปู่ใหญ่) และหลวงปู่ปิยะ

โอกาสแห่งการพบเจอพระครูเทพโลกอุดร พระผู้ทรงจิตเป็นอมตะที่เชื่อกันว่ามีอายุยืนยาวกว่า 900 ปี โดยทุกวันนี้ท่านก็ยังมีชีวิตมีตัวตนอยู่ นั้นมีอยู่ เป็นแต่เพียงโอกาสที่ผู้คนทั้งหลายได้พบได้กราบนมัสการที่ในเบื้องหน้านั้นมีน้อยรายที่จะมีวาสนาขนาดนั้น แม้ผู้ที่มีโอกาสวาสนาอย่างนั้น ถ้าไม่มีศิษย์ที่ใกล้ชิดสามารถติดต่อกับท่านได้อย่างแท้จริง ส่วนมากแล้วไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าพระหนุ่มเณรน้อย พระผู้เฒ่าที่ตนกำลังถวายทานร่วมทำบุญกับท่านอยู่นั้นคือ พระครูเทพโลกอุดรครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณวิเศษเป็นที่อัศจรรย์ ซึ่งให้ความเคารพนับถือและแสวงหาต้องการได้พบเป็นอย่างยิ่ง เพราะการมาโปรดญาติโยมที่ให้ความเคารพนับถือท่านนั้น ท่านมาในหลายรูปหลายลักษณะไม่แน่นอนคงที่ในร่างของ ฤาษีผู้มีฤทธิ์ ก็เป็นอรกลักษณะหนึ่งของท่านพระครูเทพโลกอุดร ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงกันมาก โดยการปรากฎตนในร่างเช่นนี้ได้ เกิดขึ้นที่จังหวัดสกลนคร ที่สำนักปฏิบัติธรรมประชาเทพโลกอุดร อำเภอ คำตากล้า ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า วัดโนนชาติ กล่าวกันว่า ณ ที่สำนักปฏิบัติธรรมประชาเทพโลกอุดรแห่งนี้มีปู่ปิยะ เป็นผู้สามารถติดต่ออาราธนาท่านพระครูเทพโลกอุดรให้ปรากฏตนให้คนทั้งหลายได้เห็นได้ เป็นการพบเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เห็นในขณะอยู่ในภาวะปกติไม่ใช่เห็นในสมาธิโดยนิมิต

ตามที่รับฟังคำบอกเล่ามาจากผู้ที่ได้ไปสัมผัสเหตุการณ์เรื่องราวกับตนเองมาแล้วเปิดเผยให้ทราบนั้น ปู่ปิยะที่ว่านี้ ก่อนหน้านั้นท่านเคย บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ที่ทรงคุณวิเศษเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง สามารถติดต่อกับเทพเทวดาและจิตวิญญาณทั้งหลายได้ ทรงฤทธิ์ทรงเดชเรืองเวทวิชา ให้การช่วยเหลือขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยให้แก่ผู้คนได้อย่างกว้างขวาง จึงเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือของผู้คนหมู่มาก แม้ว่าท่านจะเป็นผู้ที่อายุไม่มากมายนัก แต่ผู้คนก็ให้ความเคารพศรัทธายกย่องเรียกขนานท่านตามคุณธรรมที่ปรากฎว่า ปู่ปิยะ เรียกท่านว่าปู่ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณรอายุน้อยแล้ว เป็นเพราะความเป็นผู้ทรงเวทวิชาอันลี้ลับลึกล้ำและมีเจตนาแรงกล้าต่อการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้คนด้วยพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในนานาสารพัดเหตุนั้นเอง ทำให้ท่านไม่อาจจะครองเพศบรรพชิตในฐานะพระภิกษุที่มีศีลวินัยข้อห้ามมากมาย ซึ่งทำให้ไม่สะดวกต่อสิ่งที่จะกระทำในอันที่จะช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น จึงจำต้องลาสิกขาในเวลาต่อมา แม้ว่าจะลาเพศออกมาจากความเป็นพระแล้ว ท่านก็ยังคงไม่ห่างวัดครองตนเยี่ยงนักบวชผู้ถือศีลกินเพล นุ่งขาวห่มขาวเช่นโยคีถือศีลอยู่เช่นเดิม ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนตามคุณวิชาที่มีเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง ผู้คนจึงยังคงให้ความเคารพนับถืออย่างไม่เสื่อมถอย

ผมถามอาจารย์ชม ว่ามีพระเครื่องของพระในดงบ้างไหม(อ.ชมเรียกว่าหลวงพ่อดำ) อ.ชมบอกว่าให้ไปที่วัดเสนานฤมิตร อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร ตอนที่อ.ชมไปยังมีพระเครื่องที่เสกโดยพระอาจารย์ในดงอยู่ที่วัดแต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะยังเหลืออยู่หรือไม่ ผมก็มุ่งไปวัดเสนานฤมิตรเจอหลวงพ่อปิยะ พอก้มกราบท่านก็มีกลิ่นหอมประหลาดหอมจริงๆไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้ก่อนเพื่อนที่ไปด้วยกันยังบอกว่าหอมชื่นใจจริงๆ กลิ่นหอมโชยอยู่พักหนึ่งก็หยุดหลวงพ่อปิยะก็แจกพระเป็นพิมพิ์สมเด็จซึ่งพระเครื่องก็หอมเหมือนกัน…

เครดิต : เว็บพลังจิต

เรื่องราวของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” มีบุคคลหลายวงการให้ความสนใจและพิสูจน์ เมื่อครั้งที่ท่านมาปรากฏตัวและแสดงฤทธิ์ให้เป็นที่ประจักษ์ที่วัดโนนชาติ อ.คำตากล้า จ.สกลนคร นั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่ บุคคลสำคัญ นักวิชาการบางท่าน รวมถึงชาวบ้านได้ไปรอดูเพื่อพิสูจน์กันอย่างมากมาย และก็ได้เห็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ เหตุการณ์ในวันนั้นทางวัดโนนชาติได้จัดให้มีการทอดกฐินเพื่อถวาย หลวงปู่เทพโลกอุดร เมื่อตั้งองค์กฐินเสร็จ ทุกคนก็สวดมนต์ พอทั้งหมดสวดมนต์จบขณะที่ก้มลงกราบพร้อมกันก็ปรากฏเหตุมหัศจรรย์ มีพระภิกษุรูปหนึ่งสูงเกือบ 2 เมตร ห่มจีวรลึกลับสีเข้มคลุมตลอดศีรษะ ผมของท่านเป็นหางเปียขนาดใหญ่ยาวเกือบถึงพื้น ท่านปรากฏกายให้ทุกคนเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครทราบ ท่านกระแทกไม้เท้ากับพื้นดังสนั่นแล้วชี้ไปที่องค์กฐินที่ทุกคนต้องถวาย กุฎิทั้งหลังสั่นสะเทือน พอทุกคนก้มลงกราบเสร็จเงยหน้าขึ้นมาดู ท่านก็หายไปแล้ว เหลือแต่กลิ่นหอมประหลาด กลิ่นหอมนี้ไม่เหมือนดอกไม้ที่มีในโลกมนุษย์ หอมมาก และสักครู่ทุกคนก็ได้ยินเสียงไม้เท้ากระทบพื้นอีกครั้ง เมื่อต่างเหลียวไปดูที่ทางเดินก็เห็นพระภิกษุรูปนั้นเดินมาบนถนน ท่านเดินผ่านรถทั้งหมด 31 คันที่จอดอยู่ ทุกคนได้ยินเสียงจีวรสะบัดพรึบเดียว ปรากฏว่ารถทั้ง 31 คัน ได้รับการเจิมเป็นอักขระด้วยแป้งที่หอมมาก และแต่ละคันอักขระจะไม่เหมือนกันเลย แต่หอมและติดอยู่นานเป็นเดือน เมื่อท่านเดินขึ้นมาบนศาลา ท่านเดินไปที่ตุ่มน้ำมนต์ แล้วชี้ไม้เท้าไปที่ตุ่มน้ำมนต์เป่าลมเสียงดัง 3 ครั้ง อ่างน้ำมนต์กระเทือนจนน้ำมนต์กระฉอกขึ้นทั้งสามครั้ง พอท่านเอาไม้เท้าชี้ไปที่กองมะพร้าวน้ำหอม 20 กว่าลูก ที่ทุกคนถวาย กองมะพร้าวก็สั่นสะเทือนและแห้งหมดทุกใบ

เสร็จแล้วท่านก็เดินวนรอบคณะผู้มาทอดกฐินที่นั่งเรียงแถวกันอยู่ ทุกคนพากันเอาเงินทำบุญใส่ย่ามท่าน มีบางคนเมื่อเอาเงินใส่ไปในย่ามแล้วก็พยายามล้วงไปจนสุดย่าม แต่ปรากฏว่าล้วงเท่าไหร่ก็ไม่ถึงก้นย่าม มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ที่เห็นว่าทุกคนเอาเงินใส่ย่ามถวายท่านจนเต็ม ขณะกลับท่านเดินลงบันได ทุกคนเห็นท่านเดินลงไปที่ถนนแล้วก้าวลอยขึ้นไปบนอากาศหายไปบนท้องฟ้าท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ศรัทธาและผู้ที่มาดูเพื่อพิสูจน์จำนวนมากเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ยังมีเรื่องราวหลักฐานที่น่าสนใจอีกมากเกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร

ถ้าท่านสนใจอยากติดตามหรือค้นคว้าก็ลองหาอ่านได้จากหนังสือที่ผู้เขียนใช้อ้างอิง ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านแล้วเชื่อว่าจะวางไม่ลงทีเดียว ในส่วนของการจะเชื่อหรือไม่เชื่อในเรื่องของ หลวงปู่เทพโลกอุดร นี้ ผู้เขียนคิดว่าสิ่งเหล่านี้เราควรพิสูจน์ให้รู้ได้ด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่ยังสงสัยไม่แน่ใจเมื่อได้อ่านเรื่องราวของหลวงปู่ฯแล้วลองฝึก “จิต” ดูบ้างซิว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าท่านยังตรัสว่า “ผู้ใดอยากรู้ในสิ่งที่ตาเนื้อมองไม่เห็น อยากรู้สภาวะแห่งนามธรรมต้องทำจิตให้ว่างและผนึกความว่างแห่งตนเข้ากับความว่างของจักรวาล จึงจะรู้ทุกสรรพสิ่ง เพราะ “จิต” เท่านั้นที่จะสามารถอธิบายความลี้ลับของวิญญาณได้”

ขอบคุณที่มาข้อมูhttp://xn--poweropject-vh8a.igetweb.com/

อีกข้อมูลจาก

http://www.pantown.com/board.php?id=9706&name=board2…

เป็นข้อมูลที่ชัดเจนแล้วและผมว่าเค้าเจอจริง ๆ ครับ เลยเอามาเป็นข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้สนใจและถามผมมามากก็ติตตามข้อมูลตามนี้ครับ อนุโมทนากับเจ้าของความเห็นนี้

ความคิดเห็นที่ 17

หลวงปู่เทพโลกอุดร ไม่ได้มีพระองค์เดียว มีหลายพระองค์ แต่หลวงปู่ใหญ่มีพระองค์เดียว ท่านจะมาลักษณะปรากฎกาย เป็นได้ทั้งกายหยาบ และกายละเอียด มีกลิ่นหอมมาก หลวงปู่ใหญ่เวลาปรากฎกายหยาบจะถือไม้เท้าอันใหญ่ ท่านเป็นพระชรา รูปร่างสูงใหญ่ มีเคราที่คางแต่ไม่ยาวมากนัก ผมยาวถักเปียถึงตาตุ่ม นุ่งห่ม คลุมศรีษะด้วยผ้า บ้างครั้งใส่ถุงเท้ามาด้วย ตามที่พวกเราเห็นเหมือนกับว่าท่านมาจากที่หนาว มาก จึงต้องห่มผ้าลักษณะนี้ แต่มองไม่เห็นหน้า มองหน้าท่านเห็นแต่เป็นสีดำนิล ไม่เห็นตา ไม่เห็นจมูก ปาก ว่าเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่ดิฉันบอกคือมองที่หน้าท่าน จะเป็นสีดำนิลเลย ส่วนหลวงปู่เทพโลกอุดรองค์อื่น ๆ จะแก่บ้าง หนุ่มบ้าง บางองค์ก็ถือไม้เท้าแต่เล็กกว้าไม้เท้าปู่ใหญ่ มองไม่เห็นหน้าเหมือนกัน ที่บอกว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร มีหลายพระองค์ นั้นเพราะว่าเมื่อปี 2542 ที่คำตากล้า พวกเราเห็นท่านปรากฎกายพร้อมกันหลายพระองต์ เพราะหลวงปู่ ครูบาอาจารย์ท่านมาประชุมกันที่ศาลาพิพิธภัณฑ์ ที่วัดเสนานฤมิตร (วัดโนนชาติ) ดิฉันได้กราบท่านครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2535 วันนั้นเป็นวันทอดกฐิน ปัจจุบันท่านก็ยังปรากฎกายให้ลูกหลายได้กราบบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยเหมือนกับเมื่อก่อน ซึ่งดิฉันก็ไม่ขอยืนยันว่าถ้าไปที่คำตากล้าแล้ว จะได้พบท่าน เพราะท่านมาแบบปรากฎกาย ไม่ใช่มาแบบร่างทรง ดิฉันคิดว่าหากใครเคยเป็นลูกหลานท่าน สักวันก็จะได้พบท่านเอง เมื่อถึงเวลา

โดย: Thanyaporn [29 มิ.ย. 50 7:36] ( IP A:125.27.5.49 X: )

ความคิดเห็นที่ 25

เพิ่งเคยเข้ามาอ่านในะอินเตอร์เน็ตนะครับ

ผมขออธิบายอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้งเลยนะว่า “หลวงปู่ใหญ่มีจริง”

และยังมีชีวิตอยู่จริงมานานนับพันปี ภายหลังที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ปัจจุบันยังมีคนได้พบท่าน ท่านอยู่เหนือโลกมีชีวิตเป็นอมตะ และท่านทันสมัยตลอดเวลา ที่สำคัญบอกไว้เลยว่า ท่านไม่เข้าร่างใครเพราะสิ่งสูงที่สุดจะมาแปดเปื้อนเหมือนน้ำสะอาดตกลงในดินทำไม แล้วท่านก็ไม่ได้ตายสักหน่อยนี่ เวลาที่มีคนเจอท่านต้องเจอด้วยตาเนื้อเท่านั้น ท่านมีกายทิพย์จริง ท่านเหาะได้จริง

รูปร่างหน้าตาท่าน ใส่จีวรเหลืองหนวดเครายาวขนตามตัวยาวผอมสูงผิวขาวรูปร่างดีมาก

ถ้าอยากพบท่าน สำหรับคนที่มีจิตเคารพต้องการสักการะท่านจริงๆ สามารถไปรอพบท่านได้ถ้าบุญญาธิการถึง เพราะลูกศิษย์ท่านยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ที่อยู่นั้น อยู่ที่ อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร เป็นสถานที่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในเมืองไทย ทั้งสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างหลายๆอย่าง รวมถึงพระพุทธรูปที่มาจากเมืองแก้วโลกอีกโลกหนึ่งของผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ พระอรหันต์เจ้า505พระองค์ และเทพเทวดา ไม่มีเบอร์โทรให้ติดต่อ พยายามแสวงบุญเอาเอง ถ้าไปไม่ถูก ไปที่อนามัยอำเอคำตากล้าจะพบคำตอบ มีรูปปั้นหลวงปู่ใหญ่ ยืนตระหง่านหน้าสถานี ผมเองเพิ่งได้รู้เรื่องราวและได้ไปที่นั่น ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ระว่าง นรก สวรรค์ หรือ วัด หรือ โรงบุญ ผมกำหนดไม่ได้แต่ที่แน่ๆคนที่การันตีว่าสถานที่นี้มีอยู่จริงคือ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เจ้าฟ้าชาย สมเด็จพระเทพ และองค์ในหลวง ท่านก็ยังเสด็จมากราบหลวงปู่อยู่หลายครั้ง ที่นั่นจะไม่มีพระ ไม่มีชี ไม่มีคนจำนวนมาก มีคนดูแลปัดกวาดอยู่ไม่กี่คน เพราะคนดูแลส่วนมากไม่ใช่คน “นี่คือของจริงที่ทุกคนต้องพิสูจน์กันเองว่า หลวงปู่ใหญ่มีจริง” ผมได้พระเครื่องหลวงปู่ใหญ่จากผู้มีบารมีมาหนึ่งองค์ ภูมิใจมากคราวหน้าผมจะมาเขียนเรื่องการเหาะเหินเดินอากาศของพระอรหันต์และการมาประชุมของมนุษย์ต่างดาวที่คำตากล้า

โดย: newsnan@hotmail.com [2 ก.พ. 51 15:08] ( IP A:202.129.57.2 X: )

#หลวงปู่ปิยะ

#ThaisAmulets

#泰国护身符

แชร์เลย

Comments

comments

Share: