หลวงพ่อภาวนาตามพระคู่บารมีเนื้อทองคำและนากมาให้หลวงป๋า โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)

หลวงพ่อภาวนาตามพระคู่บารมีเนื้อทองคำและนากมาให้หลวงป๋า โดย ทวีวัฒน์ เติมฤทธิ์ (อู๋)
จะมีใครรู้บ้างว่ามีพระสำคัญในโบสถ์ของวัดหลวงพ่อสดอยู่ 2 องค์ คือพระทองคำและพระนากนั้นได้มาเพราะฝีมือของหลวงพ่อภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตตโม) อดีตพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาของวัดปากน้ำภาษีเจริญ เมื่อหลวงป๋าได้เรียนวิชชาธรรมกายจากหลวงพ่อภาวนาแล้วก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ ของท่านเต็มตัว ดังนั้นหลวงพ่อท่านจึงได้ตรวจดูว่าจะช่วยเหลือหลวงป๋าในการสร้างบารมีได้ อย่างไรบ้าง ก็ปรากฏว่าเมื่อท่านได้ใช้ญาณทัศนะในวิชชาธรรมกายตรวจดูจนรู้ว่า ในอดีตชาตินั้นหลวงป๋าท่านได้สร้างพระที่สำคัญเอาไว้ แต่ตอนนี้พระไม่ได้อยู่ในประเทศไทย พระท่านกระจัดกระจายอยู่ในแถบเมืองเชียงตุงในเขตแดนของพม่า
ดังนั้นเพื่อให้หลวงป๋าได้พระที่สำคัญกลับคืนมา หลวงพ่อภาวนาท่านจึงได้ใช้วิชชาธรรมกาย “ตะล่อม” (วางผังสำเร็จ) เพื่อให้พระเดินทางกลับมาสู่ประเทศไทย โดยอาจเป็นการดลใจให้เจ้าของถวายหรือปล่อยให้เช่าต่อๆ กันมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนกระทั่งพระที่สร้างด้วยเนื้อนากได้เดินทางมาถึงจังหวัดแถวเชียงใหม่หรือ ลำพูน หลวงพ่อภาวนาท่านก็รีบแจ้งให้หลวงป๋า (ตอนนั้นหลวงป๋าท่านยังไม่ได้บวช) ให้รีบขึ้นไปที่ร้าน…..ซึ่งเป็นร้านรับซื้อขายพระและของเก่าต่างๆ หลวงพ่อภาวนาท่านจะบอกรายละเอียดที่อยู่พร้อมกับรูปร่างและขนาดของพระอย่าง ละเอียด เมื่อหลวงป๋าเดินทางไปจนถึงจุดที่หลวงพ่อภาวนาบอก ก็สามารถเจอะเจอพระนากขนาดหน้าตักประมาณ 17 นิ้ว และสามารถบูชามาได้อย่างง่ายดาย โดยหลวงป๋าทำทีว่าไม่รู้ว่าพระองค์นี้มีความสำคัญ แกล้งติโน่นต่อนี่เพื่อให้ผู้ขายลดราคาลงมา คนขายก็ตกลงขายให้แบบงงๆ ท่านจึงได้พระมาในราคาที่ไม่แพงเลย ถ้าคนขายรู้ว่าพระองค์นี้เป็นพระเก่าแก่และหล่อขึ้นด้วยเนื้อนากทั้งองค์ ต่อให้มีเงิน 1 ล้านบาทเขาก็คงไม่ปล่อยให้บูชามาได้
เมื่อได้พระองค์แรกมาแล้วหลวงพ่อภาวนาก็ “ตะล่อม” พระทองคำมาอีก คราวนี้องค์พระท่านได้เดินทางเข้ามาสู่ประเทศไทยที่จังหวัดเชียงราย พอพระเดินทางมาถึงหลวงพ่อภาวนาก็รีบโทรศัพท์บอกหลวงป๋าให้ขึ้นไปรับมาทันที เมื่อไปถึงร้านนั้นแล้วก็มองไม่เห็นพระทองคำ ทั้งนี้เพราะเจ้าของเดิมเขาหวงพระองค์นี้มากจึงได้เอาสีดำด้านๆ ทาไว้ทั้งองค์ดูจากภายนอกไม่มีความสวยงามเลย ใครเห็นก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าเป็นพระธรรมดาไม่มีค่าอะไร แต่หลวงป๋าท่านรู้ได้เพราะลักษณะรูปร่างและขนาดตรงตามที่หลวงพ่อภาวนาบอกไว้ ไม่มีผิด
หลวงป๋าท่านจึงสามารถบูชาพระทองคำแท้องค์ใหญ่ขนาดหน้าตักประมาณ 19 นิ้วมาในราคาที่ไม่แพงเลย เนื่องจากพ่อค้าเขาก็ไม่รู้ว่าพระองค์นั้นคือพระทองคำอันล้ำค่าทั้งองค์ เมื่อได้มาแล้วลองขูดเนื้อดูก็รู้ว่าเป็นพระทองคำแท้ ขอบอกไว้นิดหนึ่งว่าปัจจุบันนี้ถ้าเราจะสร้างพระทองคำขนาด 9 นิ้วยังต้องใช้เงินสร้างไม่ต่ำกว่า 14 ล้านบาท แต่หลวงป๋าท่านสามารถบูชาพระองค์นี้มาได้ในราคาเพียงไม่กี่หมื่น มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ไหมครับ แต่มันก็เป็นไปแล้วเพราะว่าพระองค์นี้เคยเป็นพระของหลวงป๋าท่านมาก่อนนั่น เอง…พระท่านจึงกลับมาหาเจ้าของด้วยฤทธิ์ของหลวงพ่อภาวนา
ที่จริงหลวงป๋าท่านจะต้องได้พระมาอีก 1 องค์ คือพระเงินน้องเล็ก เพราะในอดีตท่านได้สร้างไว้เป็นพระ 3 พี่น้อง คือพระทองคำ พระนาก และพระเงิน แต่เนื่องจากพระเงินยังอยู่กับคุณแม่ชีผู้มีบารมีท่านหนึ่งแถบจังหวัด นครสวรรค์หรือพิษณุโลกนี่แหละ เจ้าของหวงแหนมาก แต่สักวันหนึ่งก็คงจะได้กลับมาอยู่รวมกันเป็นพระ 3 พี่น้อง ทองคำ นาก เงิน เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา
บางคนชอบพูดว่าพวกที่นั่งสมาธิแล้วเห็นโน่นเห็นนี่ ไม่รู้ว่าคิดเห็นไปเองหรือเปล่า แต่ถ้าเขาเหล่านั้นได้มาทราบเรื่องที่หลวงพ่อภาวนา ได้ตรวจไปถึงอดีตชาติของหลวงป๋า แล้วยังได้รู้ว่าพระที่หลวงป๋าสร้างไว้นั้นยังอยู่ในโลก ท่านยังสามารถทำวิชชาให้พระเดินทางมาจากนอกประเทศให้เข้ามาในไทยเพื่อที่ หลวงป๋าจะสามารถเดินทางขึ้นไปรับมาได้อีก แล้วหลวงพ่อภาวนาท่านยังสามารถระบุรายละเอียดของสถานที่ที่พระนั้นอยู่ได้ อย่างถูกต้องแม่นยำ ญาณทัศนะและสิทธิอำนาจในวิชชาธรรมกายจึงเป็นของจริงที่ทั้งรู้และทั้งเห็น ทั้งสามารถทำได้จริงอีกด้วย
มาในชาตินี้หลวงป๋าท่านก็ยังได้พระ 3 พี่น้อง 3 เนื้อชุดใหม่อีก แต่ครั้งนี้ผม (อู๋) และเหล่าญาติมิตรได้เป็นคนสร้างถวายท่าน โดยสร้างขึ้นมาด้วยเนื้อธาตุกายสิทธิ์คือเหล็กไหลวัชรธาตุ เหล็กไหลช่อทิพย์เงินยวง และเหล็กไหลสุริยันราชา และได้นำถวายท่านไปแล้วเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2559 เอาไว้ชาติหน้าพวกเราคงจะได้สร้างพระสามพี่น้องถวายหลวงป๋ากันอีกนะครับ
(เพิ่มเติม) วันหนึ่งมีสามเณรรูปหนึ่งได้เข้าไปนั่งสวดมนต์นั่งสมาธิในโบสถ์ของวัดหลวง พ่อสด ตอนนั้นคงจะเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ สามเณรนั่งสมาธิไปนานเข้าก็เริ่มง่วงตามประสาเด็ก นั่งโงกไปโงกมาจะหลับแหล่มิหลับแหล่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะมีพระองค์หนึ่งมายืนอยู่ข้างหน้าสามเณรแล้วเอามือเขกศีรษะเณรดังโป้ก เณรหายง่วงเลยลืมตาขึ้นมาดูว่าพระที่ไหนมาเขกศีรษะ มองขึ้นไปยิ่งตกใจใหญ่เพราะเห็นเป็นหลวงพ่อนากซึ่งอยู่ในตู้กระจกของโบสถ์ ท่านออกมายืนอยู่ตรงหน้าได้อย่างไร สามเณรองค์นั้นถึงกับร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับหงายหลังล้มลงไปเลย พอลุกขึ้นมาได้ก็วิ่งโกยออกจากโบสถ์ไปด้วยความตกใจสุดขีด พอไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังคนฟังก็อดขำไม่ได้ถึงความขี้เล่นของหลวงพ่อนาก องค์นี้
ที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ตอนที่ได้พระมาไม่นานสมัยนั้นหลวงป๋าท่านยังไม่ได้บวช ท่านมีความคิดว่าจะนำพระนากนี้ถวายแก่เจ้าอาวาสของวัดใหญ่มากแห่งหนึ่งที่ ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานีเพื่อเอาบุญ เมื่อถวายพระนากไปแล้วทางวัดนั้นก็ให้คนมาทำการขัดผิวองค์พระเพื่อให้พระดู งดงามขึ้น ขณะที่คนนั้นกำลังขัดพระอยู่เพลินๆ ปรากฏว่านิ้วของหลวงพ่อนากท่านกระดุกกระดิกได้เอง คนนั้นเขาไม่ทันตั้งตัวเลยตกใจสุดขีด ดีดตัวเองลอยออกไปทางหน้าต่างของห้องนั้นแบบลืมคิดชีวิต ดีที่เป็นกุฏิชั้นเดียวถ้าสูงหลายชั้นคงเจ็บหรือตายแน่ หลวงพ่อนากองค์นี้ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงแถมอารมณ์ดีขี้เล่นอีกด้วย แต่ท่านคงไม่อยากจะอยู่ที่วัดใหญ่แห่งนั้น เพราะต่อมาปรากฏว่าทางวัดได้ส่งพระมาคืนให้หลวงป๋า ถามดูเหตุผลเขาบอกว่า “พระคงอยากมาอยู่กับเจ้าของ”
—————————————-
หลวงพ่อภาวนาใช้อานุภาพของพระธรรมกายดับดาว
เล่าโดย เมธีกิตติ์ เล็ก
อานุภาพวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อภาวนาโกศลเถระ (วีระ คณุตตโม) จากปากหลวงน้าสัมรินทร์ว่าสมัยที่หลวงพ่อภาวนาท่านอายุประมาณ 70 ปี มีครั้งหนึ่งได้ไปที่น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ พอตกกลางคืนคณะศิษย์ก็มานั่งล้อมวงคุยกับท่าน และพูดเชิงอยากเห็นอานุภาพพลังจิตของท่าน จึงพูดเชิงให้หลวงพ่อท่านลองดับรัศมีดวงดาวกลุ่มนี้ให้ดูสักหน่อย หลวงพ่อภาวนาท่านก็ตอบว่าจะไปดับทำไมแค่ดวงดาวกลุ่มนั้น มันต้องแบบนี้ซิ ท่านกล่าวพร้อมกับโบกมือไปในอากาศ ปรากฏว่ารัศมีของดวงดาวครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าดับมืดไป คือสว่างครึ่งฟ้าและมืดไร้แสงดาวไปครึ่งฟ้า ปาฏิหาริย์นี้เกิดขึ้นยาวนานประมาณครึ่งชั่วโมงหลวงพ่อท่านจึงคลายพลังจิต ดวงดาวก็กลับมาส่องแสงดั่งเดิม ขอเล่าถวายเกียรติคุณไว้เท่านี้ครับ
แชร์เลย

Comments

comments

Share: