ลูกแก้วจุยเจียที่ผม (อู๋) ใช้ประจำ

เล่าไว้กันลืม
นี่คือลูกแก้วจุยเจียที่ผม (อู๋) ใช้ประจำ เป็นลูกแก้วประจำตัวที่มีน้องชายท่านหนึ่งมอบไว้ให้ เดิมนั้นผมนั่งสมาธิโดยไม่ได้กำหนดลูกแก้ว แต่ใช้ใจที่สงบกำหนดดูจิตไปเรื่อยๆ ทำให้ผมสามารถเข้าภวังค์และนั่งสมาธิได้นาน การนั่งสมาธิแต่ละครั้งจะนั่งประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง เคยนั่งจนข้ามคืนถึงเช้ามาแล้วด้วย เมื่อออกจากสมาธิก็จะมีจิตใจที่สบายมาก (เพราะจิตได้พักอย่างเต็มที่) ผลเสียที่ตามมาโดยไม่รู้ตัวก็คือการหลับในสมาธิ มีการโยกตัวไปมาโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัวเพราะจิตมันอยู่ในภวังค์เสียแล้ว เสียงรบกวนภายนอกไม่มีผลต่อการนั่งสมาธิของผมเพราะเสียงเหล่านั้นจะเบามาก แต่ก็ทำให้สมาธิไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร

เมื่อมีครูบาอาจารย์เก่งๆ หลายท่านทักว่าอย่าเอาแต่เข้าภวังค์มันจะไม่เป็นผลดี (ท่านเตือนโดยที่ผมไม่ได้บอกอะไรก่อนเลย) ทำให้ผมคิดได้ว่าผมเดินมาผิดทางเสียแล้ว จึงได้เปลี่ยนวิธีนั่งสมาธิใหม่โดยพยายามหาลูกแก้วมาเป็นนิมิต แล้วพยายามไม่ให้นิมิตนั้นหายไป ถ้านิมิตยังอยู่ก็แสดงว่าไม่หลับแน่นอน ช่วงที่ไม่มีลูกแก้วผมก็ต้องใช้รูปภาพของลูกแก้วแทน น้องคนนี้เขารู้ว่าผมอยากได้ลูกแก้ว เขาก็อุตส่าห์ไปตามหาลูกแก้วมาให้ผมใช้จนได้

วิธีหาลูกแก้วของน้องคนนี้ก็ไม่เหมือนใคร เขาใช้การเข้าธรรมกายแล้วใช้ญาณของพระธรรมกายไปตรวจดูว่าลูกแก้วของผมนั้นอยู่ที่ไหน เขาก็เห็นในญาณทัศนะว่าลูกแก้วของผมนั้น จะมาจากถ้ำแห่งหนึ่งในแถบชายแดนของประเทศจีนบริเวณติดกับประเทศคาซัคสถาน ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่หนาวเย็นมากภายในถ้ำกำลังถูกขุดเป็นเหมืองหินแร่ที่เป็นบริษัทของชาวจีน เขาเลยกำหนดจิตเพื่อหาทางติดต่อกับบริษัทแห่งนี้ ก็เกิดเห็นเป็นหมายเลขโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างชัดเจน โอ้โหวิชชาธรรมกายทำได้ถึงเพียงนี้นะครับ หมายเลขนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ไม่รู้เลยต้องลองติดต่อไปดู ก็ปรากฏว่าเป็นหมายเลขของบริษัทคนจีนที่ทำการค้าขายแร่อัญมณีจริงๆ เสียด้วย

ทางบริษัทนี้เขาก็มีผู้ค้าที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งทำการซื้อขายอัญมณีและลูกแก้วจุยเจียกันอยู่แล้ว เขาจึงให้เบอร์โทรและชื่อคนที่จะติดต่อ เมื่อได้คุยกับคนที่อยู่ในประเทศไทย น้องคนนี้จึงนัดแนะและเดินทางไปดูที่ร้านเพื่อขอซื้อลูกแก้วจุยเจียมาให้ผม ดังนั้นลูกแก้วที่ผมใช้อยู่ประจำนี้จึงจะนำไปให้ใครหรือนำไปขายต่อไม่ได้ เพราะได้มาฟรีและน้องเขาให้มาด้วยความปรารถนาดีอยากให้ผมได้ธรรมกายไวๆ เมื่อได้ลูกแก้วประจำตัวมาแล้วก็ต้องทำการอัญเชิญพระจักรพรรดิให้มาประจำลูกแก้วดวงนี้ น้องคนนี้จึงต้องเข้าธรรมกายแล้วไปถามพระพุทธเจ้าว่าพระจักรพรรดิองค์ไหนที่มีความเกี่ยวข้องกับผม ก็ได้ทราบว่าเป็นพระจักรพรรดิของพระพุทธเจ้าเมธังกโร ลูกแก้วของผมจึงมีชื่อเรียกตามชื่อของพระจักรพรรดิที่สถิตอยู่ว่า “ลูกแก้วพระจักรพรรดิเมธังกโร”

ผมอยากเล่าเรื่องนี้ไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ทราบ ไม่รู้ว่าจะนำเรื่องนี้ไปเล่าที่ไหนดีเลยขอนำมาลงไว้ในหน้าเฟซของผมเองก็แล้วกัน เพื่อเป็นการขอบคุณน้องชายผู้ที่นำลูกแก้วนี้มาให้ ให้เขารู้ว่าผมไม่เคยลืมเรื่องนี้และได้ใช้ลูกแก้วดวงนี้เป็นประจำทุกวันไม่เคยขาดเลยตั้งแต่วันแรกที่ได้มา ใครที่คิดว่าวิชชาธรรมกายไม่ใช่ของจริงก็ขอให้พิจารณาใหม่จากเรื่องของผมที่เล่ามานี้นะครับ

(เพิ่มเติม) เมื่อผมได้ใช้ดวงแก้วจักรพรรดิเมธังกโรนี้ได้ระยะหนึ่ง เมื่อมีโอกาสผมจึงได้นำไปให้หลวงป๋าท่านดูเพื่อจะขอให้ท่านเสกอาราธนาซ้อนพระจักรพรรดิให้เข้ามาสถิตย์ในดวงแก้วนี้ เมื่อหลวงป๋าท่านได้หยิบดวงแก้วนี้ไปดูเพียงครู่เดียวท่านก็พูดว่า “ไม่ต้องซ้อนพระจักรพรรดิเข้าไปอีกแล้ว เพราะดวงแก้วนี้ได้ผ่านการซ้อนพระจักรพรรดิมาอย่างดีแล้วนี่” พูดเสร็จท่านก็ยื่นดวงแก้วจุยเจียนี้คืนมาให้ผมโดยไม่ได้เสกเป่าเพิ่มแต่อย่างใด หลวงป๋าท่านตรวจดูเพียงแป๊บเดียวท่านก็รู้แล้ว เพราะก่อนที่น้องเขาจะนำดวงแก้วนี้มาให้ผม เขาได้ขึ้นไปขอให้พระพุทธเจ้าองค์ต้นและหลวงพ่อสดให้ท่านอาราธนาพระจักรพรรดิเมธังกโรให้เข้ามาสถิตย์อยู่ในดวงแก้วนี้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็รู้เรื่องนี้แต่ผมไม่บอกหลวงป๋าก่อนหรอก ให้ท่านตรวจดูเอาเอง 555 สาเหตุที่ทำไมต้องเป็นพระจักรพรรดิเมธังกโรด้วย ก็เพราะมีชาติหนึ่งที่น้องเขาบอกว่้าผมเคยได้ถวายธาตุกายสิทธิ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งแก่พระพุทธเจ้าเมธังกโรนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องอัญเชิญพระจักรพรรดิที่ดูแลรักษาพระพุทธเจ้าเมธังกโรนี้ ให้เข้ามาสถิตย์ในดวงแก้วดวงนี้เพราะว่ามีบุญเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันนั่นเอง

แชร์เลย

Comments

comments

Share: